รีวิว Again my life (2022)
สวัสดีผู้อ่านทุกท่าน วันนี้จะมารีวิวซีรีส์เกาหลีมาใหม่แนวกฎหมายแฟนตาซีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับอาชญากรรมนักการเมือง ตีแพสะท้อนสังคมการเหลื่อมล้ำของผู้ที่มีอำนาจมากเหนือกฎหมาย โดยมีชื่อว่าAgain my life และเรื่องนี้เป็นการกลับมาอีกครั้งกับพระเอกผู้ฆ่าไม่ตายอย่าง อีจุนกิ เนื้อเรื่องจะสนุกและน่าดูยังไงไปดูเรื่องย่อและรีวิวกัน Again my life (2022) ชื่อเกาหลี 어게인 마이 라이프 จำนวนตอน 16 ตอน ประเภท กฎหมาย อาชญากรรม แฟนตาซี ช่องทางการรับชม viu เรื่องย่อ เล่าเรื่องราว คิมฮีอู อัยการหนุ่มผู้รักความยุติธรรมและความถูกต้อง เขาได้ทำคดีทุจริตของนักการเมืองจนไปแหย่ผู้มีอิทธิพลจนทำให้ ถูกเล่นงานกลับถูกสั่งฆ่าแต่จู่ๆก็มีปาฏิหาริย์เกินขึ้น เขาได้รับโอกาสให้มีชีวิตอีกครั้ง เพื่อเรียกร้องทวงคืนความยุติธรรม โดยเขาถูกย้อนเวลากลับไปอดีตเพื่อเริ่มต้นใหม่และวางแผนรับมือกับผู้มีอิทธิพลอีกครั้ง การกลับมามีชีวิตอีกครั้งเขาจะวางแผนดักรับมือกับผู้มีอิทธิพลยังไงไปติดตามกัน ดูหนัง The Mermaid (2023) นางเงือก นักแสดง อีจุนกิ รับบท คิมฮีอู อัยการชายหนุ่มที่รักความยุติธรรม เก่งกาจทางด้านการต่อสู้ ที่อดีตการเรียนแย่เป็นนักเรียนมปลายแถว พ่อแม่ถูกรถชนแล้วหนีจนทำให้เขาต้องข้อสอบกฎหมายเป็นอัยการ แต่ต่อมาทำคดีเกี่ยวกับการทุจริตของนักการเมืองจนถูกเล่นงานและฆาตกรรมจนเสียชีวิต และได้รับโอกาสย้อนเวลาไปอดีตให้เริ่มต้นแก้ไขชีวิตและวางแผนรับมือกับผู้มีอำนาจอีกครั้ง คิมจีอึน รับบท คิมฮีอา หญิงสาวที่เรียนเก่งเธอมีครอบครัวที่เพียบพร้อมเป็นลูกสาวประธานบริษัทชอนฮากรุ๊ป หลังจากเธอได้พบกับ คิมฮีอู […]
Read More
รีวิวInnocent Defendant อัยการแดนประหาร (2017)
พลิกผันไปมาทั้งเรื่องแต่ไม่หักมุม เล่นกับอารมณ์ผู้ชมด้วยความเหนือชั้นของบท ชั้นเชิง และการแสดงในระดับท็อปฟอร์มของสองนักแสดงนำ สมัยหนึ่งนั้นซีรีส์เกาหลีมักถูกมองว่ามีแต่งานรักโรแมนติกหวานเลี่ยนและดูไปบ่นไปก็คือหนึ่งในนั้นแม้ซีรีส์เกาหลีเรื่องแรกที่ดูจะเป็นดราม่าปัญหาสังคม แต่นั่นคือสายตาของการที่ยังไม่ได้สัมผัสงานจากเกาหลีจริงๆแล้วกลายเป็นอคติ จนเมื่อผู้เขียนได้ดูกับซีรีส์แนวสืบสวนสอบสวนที่ซ่อนเงื่อน หักเหลี่ยมเฉือนคม ดูแบบใช้สมองสุดขีด ผ่านบทชั้นยอดอย่าง Stranger โดยบังเอิญเพราะป่วยนอนโรงพยาบาลแล้วไม่มีอะไรดู และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของการมองซีรีส์เกาหลีในมุมใหม่ว่ายังมีแนวที่ชื่นชอบอยู่และหาดูแนวนั้นมาเรื่อยๆ จนได้รู้ว่างานซีรีส์เกาหลีมีความหลากหลายและถึงพร้อมด้วยคุณภาพด้านบทและชั้นเชิง เช่นเดียวกับเรื่องนี้ที่ผู้เขียนเลื่อนผ่านไปมาร่ำไปจนกระทั่งกำลังจะถูกถอดออกจาก NETFLIX (ตอนนั้น) จึงรีบมาดู แต่ความเยี่ยมของเรื่องนี้ก็ทำให้ใช้เวลาดูจบแค่สามวัน Innocent Defendant เปิดฉากมาที่การตามจับคนร้ายของอัยการพัคจองอู (จีซอง) ในงานศพที่เต็มไปด้วยสมาชิกแก๊งอันธพาล หลังเลิกงานอัยการพัคก็กลับบ้านไปเป่าเค้กวันเกิดลูกสาว แต่เมื่อตื่นขึ้นมาอัยการพัคกลับตื่นมาในเรือนจำในฐานะนักโทษประหารด้วยคดีสังหารภรรยาและอำพรางศพลูกสาว แต่อัยการพัคกลับสูญเสียความทรงจำส่วนนั้นไปด้วยกลไกทางสมอง และเรื่องก็เฉลยให้เห็นว่าต้นเหตุมาจากการที่ชามินโฮ (ออมกีจุน) ที่มีคดีฆาตกรรมแต่หลุดรอดไปได้และคนทำคดีก็คืออัยการพัคที่เป็นพวกกัดไม่ปล่อย ถึงตรงนี้คืออัยการพัคถูกจัดฉากเป็นฆาตกรอย่างแนบเนียนจนทำให้อัยการคังจุนฮยอก (โอชางซอก) เพื่อนสนิทของอัยการพัคเสนอโทษประหารชีวิตพัคจองอูและศาลก็ตัดสินตามนั้น จากอัยการจึงต้องกลายเป็นนักโทษประหาร แต่เมื่อความทรงจำของพัคจองอูค่อยๆกลับมาทีละนิด การกอบกู้ความทรงจำและการต่อสู้เพื่อทวงคืนความยุติธรรมความแค้นก็เริ่มขึ้น เรื่องนี้คือความกล้าในการแหกกฎที่ยอดเยี่ยม (ตอนนั้น) ในการสลับไทม์ไลน์เพื่อหลอกล่อสมองและนั่นคือสิ่งที่เรียกว่าชั้นเชิง และอีกสิ่งที่เป็นลายเซ็นมาตรฐานของงานจากเกาหลีคือการหักมุมแบบโหดๆ การเล่าเรื่องที่ซ่อนเงื่อนเร้นปมอย่างมิดชิด บทที่พาความคิดไปไกลก่อนลงท้ายเทกระจาด และนั่นก็เรียกว่าชั้นเชิงด้วยบทที่ไม่ได้นับจากหนึ่ง ไม่ได้เริ่มจากตรงกลาง หรือไม่ได้เริ่มจากสุดท้ายแล้วย้อน แต่กลายเป็นสลับไปสลับมาผ่านชิ้นส่วนความทรงจำ แต่แม้เดี๋ยวนู่นโผล่มาเดี๋ยวนี่ผุดมากลับไม่งงเพราะความละเอียดปลีกย่อยที่แทบไม่ถูกละเลยหลงลืม ด้วยเค้าโครงถ้าขีดเป็นเส้นตรงก็คือการถูกใส่ร้ายแล้วต้องทวงความยุติธรรมพร้อมกับกู้คืนความทรงจำและแก้แค้นของนักโทษผู้บริสุทธิ์ แต่การเล่าเรื่องกลับเป็นการตัดเส้นที่ขีดไว้เป็นชิ้นๆแล้วเรียงแบบสลับไปมา ก่อนตั้งหน้าตั้งตาเร้าอารมณ์ผู้ชมเมื่อเวลาอันควรแต่ผู้ชมไม่งงก็คือความน่าทึ่ง การเปิดก่อนแล้วย้อนมาเฉลยครั้งแล้วครั้งเล่าที่ยังได้ผลทำให้ยังเป็นความน่าทึ่ง ส่วนการเล่าเรื่องที่ไม่ได้ปิดเร้นปมใดๆแต่กล้าที่จะเปิดหน้าออกมาว่ายังไงพระเอกก็บริสุทธิ์ แต่การเปิดหน้าออกมานั้นแน่นจนบางครั้งผู้ชมสงสัยทั้งที่เชื่อใจซึ่งมันยังเป็นความน่าทึ่ง เกมซ่อนกลที่ถูกวางไว้ว่าเป็น A Perfect Murders ที่ละเอียดแล้วค่อยๆแกะออกมาส่งเสริมความเร้าใจและระทึกก็ยังคงเป็นความน่าทึ่ง รวมไปถึงการมีเรื่องของ Catch Me If You Can ที่ท้าทายเพราะไม่ได้ซ่อนตัวร้ายให้เดาแต่เปิดกันตรงๆเน้นที่การหักเหลี่ยมเฉือนคมกันมันยิ่งน่าทึ่ง ผู้ชมรู้ทั้งรู้ว่าเรื่องจะไปลงเอยแบบไหนแต่ลุ้นระทึกทุกรายละเอียดก็น่าทึ่ง แต่ทุกความน่าทึ่งที่เอ่ยมาอยู่ในบทที่สุดลงตัวและการเดินตามเจตนาอย่างเคร่งครัดทำให้เร้าใจตั้งแต่ต้นจนจบ แต่บนความน่าทึ่งทั้งหมดก็มีรู้สึกว่าพยายามบีบมากเกินไปในบางช่วง ทำให้กังขาบ้างว่าทำไมไม่เลือกวิธีที่ง่ายกว่าแต่ถ้ามองข้ามไปได้ก็โอเค สิ่งหนึ่งที่ยากคือการวางมิติของตัวเอกให้ผู้ชมให้รู้สึกเชื่อใจแต่ลึกๆก็ยังสงสัย ซึ่งมันต่างจากรู้สึกสงสัยแต่ลึกๆยังเชื่อใจเพราะการวางมิติของตัวละครให้เป็น God ปะทะ Evil ซึ่งเส้นแบ่งถูกขีดไว้ชัดทำให้ในใจผู้ชมเชื่อว่าพระเอกถูกใส่ร้าย แต่ลึกๆยังสงสัยว่าเขาได้ทำอะไรสักอย่างในกระบวนการนั้นหรือไม่ อีกอย่างที่ได้ใจคือการวางมิติของพระเอกให้เป็นการสู้แบบจนตรอกเพราะอยู่ในเรือนจำที่ไม่มีประตูสู้จึงกอบโกยทั้งอารมณ์ร่วมและความเห็นใจ […]
Read More
รีวิวซีรีส์ The Veil (2021)
เดือนนี้ไม่มีเหงา แต่ครีมใต้ตากับพาราต้องเข้า เพราะพี่เกาเขาขยันปล่อยซีรีส์ใหม่ ๆ มาล่อตาล่อใจติ่งชาวไทยหลายเรื่องด้วยกัน เช่นเดียวกับ The Veil ซีรีส์ที่หลายคนตื่นเต้นรอคอยตั้งแต่มีการประกาศผลิต อีกทั้งชื่อนักแสดงนำอย่าง นัมกุงมิน (Namkoong Min) ยิ่งทำให้สายบู๊บ้าระห่ำแทบอดใจไม่ไหว เมื่อได้ดูตอนแรกที่ออนแอร์ไปแล้วเมื่อคืนที่ผ่านมา บอกเลยว่าคุ้มค่าสมราคาคุย จึงไม่รอช้ารีบมาป้ายยาให้ทุกคนไปติดตามกัน แอบกระซิบไว้ก่อนว่าโคตรมันส์และน่าติดตามตั้งแต่อีพี The Veil หรือในชื่อเดิมคือ The Black Sun ซีรีส์แอ็กชันทริลเลอร์ระดับบล็อกบัสเตอร์เรื่องล่าสุดที่ช่อง MBC ทุ่มงบกว่า 15,000 ล้านวอนในการผลิต เพื่อเป็นผลงานชิ้นโบแดงในวาระฉลองครบรอบ 60 ปี กำกับการแสดงโดย คิมซองยง เจ้าของผลงานซีรีส์แนวครอบครัวอย่าง My Healing Love (2018) อีกทั้งยังได้ นักเขียนพัคซอกโฮ มาเขียนบทละครโทรทัศน์เป็นครั้งแรก คนหนึ่งเปลี่ยนแนวมากำกับซีรีส์บู๊ล้างผลาญ อีกคนเป็นหน้าใหม่ในวงการละครเกาหลี แต่บอกเลยว่าฝีมือไม่ธรรมดาเพราะเปิดมาอีพีแรกก็ฟาดเรตติ้งไปถึง 7.2% คราวนี้มาพูดถึงเรื่องย่อกันสักเล็กน้อย The Veil ว่าด้วยเรื่องราวของ ฮันจีฮยอก (รับบทโดย นัมกุงมิน) เจ้าหน้าที่ภาคสนามฝีมือดีประจำหน่วยข่าวกรองแห่งชาติเกาหลี (NIS) ซึ่งหายตัวไประหว่างปฏิบัติหน้าที่ล่าแก๊งค้ายาเสพติดที่เมืองตานตง ประเทศจีน พร้อมกับเพื่อนร่วมงานอีกสองชีวิตคือ โอคยองซอก (รับบทโดย ฮวังฮี) และคิมดงอุค (รับบทโดย โจบกแร) เวลาล่วงเลยไปกว่าหนึ่งปี ฮันจีฮยอกปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในฐานะเชลยบนเรือค้าทาส ผมเผ้าและหนวดเครารุงรัง เนื้อตัวมีรอยแผลเป็นจากการถูกทรมานอย่างหนัก ซ้ำร้ายความทรงจำของเขาระหว่างหนึ่งปีที่ผ่านมากลับหายไปจากการถูกฉีดสารเคมีบางประเภทเข้าสู่ร่างกาย เหตุการณ์สุดท้ายที่เขาจำได้นั่นคือเพื่อนร่วมงานทั้งสองถูกฆ่าตายอย่างทารุณหลังบุกทลายรังของแก๊งค้ายา เมื่อได้รับการช่วยเหลือจากฝ่ายปฏิบัติการทางทะเล ฮันจีฮยอกกลับมาพักผ่อนเพื่อรักษาตัว รวมทั้งอาการ PTSD ที่ทำให้เขาเป็นโรคซึมเศร้า แต่แล้วเขาก็ได้พบหลักฐานชิ้นสำคัญเป็นคลิปวิดีโอของตัวเองที่บันทึกเอาไว้ โดยระบุว่าคนที่พยายามกำจัดเขาและเพื่อนร่วมงานยังคงลอยนวลอยู่ในหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ฮันจีฮยอกกลับเข้าไปทำงานอีกครั้ง เพื่อสืบหาและฆ่าล้างแค้นหนูทรยศที่นำความหายนะทั้งหมดมาสู่ตัวของเขานั่นเอง หลังจบตอนแรกต้องซูฮกงานโปรดักชันก่อนเป็นอันดับแรก สมเกียรติกับงบที่ทุ่มลงไปมหาศาล ได้ฟีลความดิบเถื่อนสไตล์ซีรีส์แอ็กชันทริลเลอร์ที่แท้จริง วิธีการดำเนินเรื่องแปลกใหม่ต่างออกไปจากที่เคยเห็น ตัวเดินเรื่องไม่ใช่พระเอกหรือบุคคลใด แต่ใช้ความทรงจำที่หายไปของฮันจีฮยอกคอยนำทางให้เราค่อย ๆ ปะติดปะต่อเรื่องราวไปพร้อมกับตัวละครในเรื่อง จุดนี้ถือเป็นสไตล์เล่าเรื่องที่ไม่ได้เห็นกันบ่อยนัก แต่คาดการณ์ไว้ตั้งแต่ตอนนี้ได้เลยว่าจะต้องมีการแกงเกิดขึ้นแน่นอน คอซีรีส์ที่ชื่นชอบพล็อตแนวล้างแค้น […]
Read More
รีวิว Delightfully Deceitful (2023)
ถึงเวลาของ Delightfully Deceitful ซีรีส์อาชญากรรมแก้แค้นเรื่องใหม่แกะกล่อง นำทัพความป่วนโดยสองนักแสดงสายฝีมือ คิมดงอุค และ ชอนอูฮี เปิดเวทีต้มตุ๋นครั้งใหญ่โดยหนุ่มสาวนิสัยต่างขั้ว รัวมือไปตามจังหวะความมันส์ของเกมเอาคืนสุดแสบ แนบด้วยกลสับขาหลอกสุดแนบเนียน บอกเลยงานนี้เซียนเบอร์ใหญ่ยังอึ้งจนต้องอ้าปากค้าง เรื่องย่อ Delightfully Deceitful บอกเล่าเรื่องราวของ ฮันมูยอง (รับบทโดย คิมดงอุค) ทนายน้ำดีผู้ยืดหยัดในความยุติธรรมมาตลอดชีวิต แม้ตนต้องเผชิญความยากลำบากจากนิสัยเห็นอกเห็นใจคนอื่นมากเกินไป จนกระทั่งไม่สามารถแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันได้อย่างเด็ดขาด เขาพยายามพึ่งพาจิตแพทย์เพื่อเยียวยาอาการไม่ให้กระทบต่ออาชีพ ทว่าอยู่ดีไม่ว่าดีกลับพาตัวเองไปพัวพันกับ อีโรอุม (รับบทโดย ชอนอูฮี) อาชญากรสาวผู้ต้องคดีสังหารพ่อแม่ตัวเอง โดยหารู้ไม่ว่าบัดนี้เขาได้ตกเป็นเหยื่ออันสมบูรณ์แบบของเธอเข้าเสียแล้ว ฮันมูยองยอมหักหลังลูกความคนหนึ่งเพื่อช่วยเหลืออีโรอุมให้พ้นโทษออกจากเรือนจำ ก่อนจะพบว่าแท้จริงแล้วเธอคนนี้เป็นนักต้มตุ๋นตัวฉกาจ นอกจากจะมีนิสัยก้าวร้าวรุนแรง ไม่เห็นอกเห็นใจคนรอบตัวแล้ว อีโรอุมยังใช้ทักษะความจำระดับอัจฉริยะเป็นอาวุธหลอกล่อเหยื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนต้องการ เมื่อรู้แกวว่าติดกับดักอันตรายเข้าแล้ว ฮันมูยองจึงตกกระไดพลอยโจนจับมือเป็นพวกเดียวกับอีโรอุมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ปฏิบัติการแก้แค้นใครบางคนของพวกเขาเริ่มต้นขึ้น ทว่าท่ามกลางความร่วมมืออันน่าเชื่อถือ อาจแฝงกลลวงแพรวพราวของคนใดคนหนึ่งอยู่ก็เป็นได้ บทบาทนักแสดง คิมดงอุค รับบทเป็น ฮันมูยอง ทนายความหนุ่มแห่งสำนักงานกฎหมาย พัคแอนด์คิว (Park&Cue Law Firm) เขาใช้ชีวิตอย่างยากลำบากจากอาการป่วย ภาวะเห็นอกเห็นใจคนอื่นมากเกินไป จึงพยายามเพิกเฉยต่อความรู้สึกของลูกความ จนถูกขนานนามว่าเป็นแวมไพร์แห่งโลกกฎหมายจอมเย็นชา ชอนอูฮี รับบทเป็น อีโรอุม หญิงสาวผู้เติบโตอยู่ในคุกนานกว่าสิบปีหลังต้องคดีปิตุฆาตและมาตุฆาต เธอเป็นพวกไม่แคร์ความรู้สึกคนอื่น โกหกเป็นนิสัย และต่อต้านสังคมอย่างรุนแรง ทั้งยังใช้ความสามารถส่วนตัวคอยหลอกล่อผู้คนที่มีจิตใจเปราะบาง ในฐานะนักต้มตุ๋นสาวผู้ฉลาดหลักแหลม ยุนพัค รับบทเป็น โกโยฮัน เจ้าหน้าที่คุมประพฤติผู้ได้รับมอบหมายให้ติดตามความเป็นอยู่ของอีโรอุม ประสบการณ์ตลอดชีวิตสอนให้เขารู้เท่าทันคน บาดแผลบนร่างกายกำยำตอกย้ำว่าเขาเคยผ่านวินาทีเสี่ยงตาย รวมถึงสายตาหลักแหลมดุจจิ้งจอกทะเลทรายที่สามารถอ่านสถานการณ์ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง พัคโซจิน รับบทเป็น โมแจอิน จิตแพทย์สาวผู้บำบัดอาการป่วยทางจิตให้กับฮันมูยอง แม้เธอจะพยายามเยียวยาความรู้สึกให้กับเขาด้วยวิธีการอันหลากหลาย ทว่าท้ายที่สุดกระบวนการรักษายาวนานกว่าสามปีนั้นกลับต้องล้มเหลว นั่นทำให้หน้าที่แพทย์ของเธอต้องสั่นคลอนด้วยเช่นเดียวกัน อียอน […]
Read More
รีวิวซีรี่ย์ The Good Detective
ถ้าความจริงเป็นประโยชน์ให้คนร้ายคุณจะเลือกเงียบหรือไม่” ในซีรีส์ตำรวจสืบสวนเข้มๆที่เดินหน้าขึงขังแต่ลงท้ายด้วยความประนีประนอม เหตุผลหนึ่งที่ดูไปบ่นไปไม่สามารถปล่อยวางจากการดูซีรีส์หรือละครเกาหลีได้คือความหลากหลาย แม้ในความหลากหลายนั้นอาจมีพื้นฐานที่ไม่ต่างกันนักหากลองพินิจให้ลึก แต่ทุกครั้งที่มีข้อสงสัยแบบนี้ผู้เขียนมักจะมีคำตอบเสมอมาที่ท่านคงได้ผ่านตาบ่อยๆว่าต่อให้โครงสร้างพื้นฐานจะเหมือนเอาของเก่ามาเล่าซ้ำ แต่เกาหลีจะมีดีคือการเอาของเก่าเหล่านั้นมาตัดแต่งเติมหรือมองมุมใหม่ทำให้ไม่ดูเป็นความจำเจ หรือหากท่านเปิดใจดูกระทั่งหากท่านได้ดูแล้วก็ลองรำลึกถึงซีรีส์ที่ขายความเข้มข้นอย่าง Bad Guys (2014) ,Signal (2016) , Tunnel (2017) , Voice (2017) , Stranger (2017) หรือจะเน้นเอามันส์อย่าง Vagabond (2019) ที่เรื่องเหล่านี้คือระดับแนวหน้าสำหรับงานขายความเข้มข้นของเกาหลีในช่วงหลังที่ยืนหนึ่งในใจคนดูมากมายไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง ซึ่งหากลองพินิจให้ดีโครงสร้างหลักของเรื่องแทบเป็นเรื่องเดียวกันแต่บิดบริบทไป และเหตุผลที่ทำให้คนดูถ้าไม่ดูแบบเอาเรื่องแบบผู้เขียนจะคิดไม่ถึง (ซึ่งความจริงก็ไม่ควรคิดเพราะเอาความสุขในการดูเป็นที่ตั้งจะดีกว่า) คือบทละครที่แข็งแรง ประเด็นต่างๆมากมายแต่เก็บรายละเอียดได้หมดตัวบทที่มีความเป็นมนุษย์ประกอบกับมาตรฐานการแสดงสูง ร่วมด้วยชั้นเชิงการเล่าเรื่องที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้ถ้ามองอย่างเป็นธรรมแล้วงานจากเกาหลีมีมาตรฐานที่ค่อนข้างสูง แต่ทั้งนี้มันก็ไม่ได้ไปถึงในระดับที่ว่าทั้งหมดเป็นเรื่องปกติที่ไม่ว่างานจากที่ไหนก็มีทั้งยอดเยี่ยม ธรรมดาๆ และแย่เพียงแต่เกาหลีหาที่แย่ๆไม่ค่อยมี (หรือผู้เขียนเลือกก็ไม่ทราบ) เช่นเรื่องนี้ที่ผู้ดูอย่างสนุกน่าติดตามแต่ยังมีบางอย่างขาดนู่นนิดนี่หน่อยแต่เท่าที่มีและเป็นก็สนุกเข้มข้นแม้จะไม่ถึงขนาดทำใจปิดไม่ลงก็ตาม The Good Detective เรื่องย่อ เปิดเรื่องมาด้วยคดีฆาตกรรมแล้วอำพรางศพนักศึกษาหญิงและมีการจับคนร้ายได้ที่คนดูมองตาก็รู้ว่าเขาคือแพะชื่อว่าอีแดชอล (โจแจยุน) เขาต้องทิ้งลูกสาวคือไว้เพียงลำพังและต้องโทษประหารชีวิต ห้าปีผ่านไปสายสืบที่จับกุมอีแดชอลคือสายสืบคังโดชาง (ซอนฮยอนจู) ที่ไม่ได้เลื่อนขั้นมานานก็ได้คู่หูคนใหม่เป็นสายสืบหนุ่มโอจีฮยอก (จางซึงโจ) แล้วทั้งคู่ได้รับทำคดีแรกคือการหายตัวไปของหญิงสาวและอาจกลายเป็นการฆาตกรรม และเมื่อสืบไปเรื่อยๆเบาะแสกลับชี้นำไปสู่คดีเก่าเมื่อห้าปีก่อนของอีแดชอลที่กำลังจะถูกประหารชีวิต หนำซ้ำคดีนี้เหมือนจะต้องการประกาศให้โลกรู้ว่าอีแดชอลคือผู้บริสุทธิ์จนไปกระตุ้นความทรงจำและกระตุกต่อมมโนธรรมของคังโดชางที่ทำคดีอีแดชอลเมื่ออดีต แล้วการได้รับรู้ว่าลูกสาวอีแดชอลต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากคังโดชางจึงต้องร่วมมือกับคู่หูที่ไม่ค่อยเข้ากันโอจีฮยอกโดยมีนักข่าวสาวไฟแรงอย่างจินซอกยอง(อาลิยาห์ อี) ที่ขุดคุ้ยเรื่องโทษประหารแล้วมาคาบเกี่ยวกับคดีของอีแดชอล จนเมื่อสืบไปเรื่อยๆทิศทางคดีก็ชี้ไปหาลูกพี่ลูกน้องของโอจีฮยอกคือโอจองแท(โอจองเซ) ที่มีทั้งอำนาจเงินและอิทธิพล และการต้องการเผยความจริงครั้งนี้ก็พัวพันกับคนระดับสูงมากมายพวกเขาจึงต้องต่อสู้กับอำนาจมืดของความฉ้อฉลของระบบยุติธรรม แต่เมื่อมโนธรรมมันต้องมีในจิตสำนึกคังโดชางและโอจีฮยอกจึงต้องดับเครื่องชน เข้มข้น ชั้นเชิงการเล่าเรื่องมีพลัง แต่กลับไม่กล้าเล่นใหญ่ และหาทางออกแบบประนีประนอม นี่คืองานซีรีส์ตำรวจคู่หูที่มาตามสูตรเป๊ะหนึ่งจอมเก๋ามากประสบการณ์กับอีกหนึ่งหนุ่มไฟแรงที่ตัวเรื่องมีความเข้มข้นพอเพราะบทละครดีพอ การวางเงื่อนปมต่างๆสอดคล้องกับเรื่องราวหลักที่เล่าได้ดีพอ ด้วยความฉลาดของบทที่วางออกเป็นสองส่วนคือส่วนของการพยายามเปิดเผยความจริงในคดีของอีแดชอลเพื่อช่วยเขาให้พ้นจากโทษประหาร ผ่านการขุดมโนธรรมในใจของคังโดชางและการต่อสู้กับอิทธิพลมืดของอำนาจเงินและความฉ้อฉลของกระบวนการในครึ่งแรก และเมื่อสิ้นสุดบทก็เลือกเผยฆาตกรตัวจริงแล้วมาในแนว “จับให้ได้ถ้านายแน่จริง” ที่มาเน้นถึงปมในใจของโอจีฮยอกและการขุดมโนธรรมและจรรยาบรรณของนักข่าว และที่ได้ผลดีคือการเปิดหน้าผู้ร้ายแล้วเน้นการเอาล่อเอาเถิดและลูกล่อลูกชนในการสืบสวนเพื่อจับให้มั่นคั้นให้ตายในครึ่งหลัง แม้ความยากของการสืบคดีทำให้คนดูมีอารมณ์ร่วมก็จริงแต่ที่หายไปคืออารมณ์อับจนหนทาง ด้วยความที่เรื่องเปิดมาแรงจัดด้วยการเล่นประเด็นความฉ้อฉลในระดับสูงของผู้ถือกฎหมายพัวพันไปถึงระดับนโยบาย ทำให้การคาดเดาของคนดูไปสู่เรื่องใหญ่ที่น่าจะเล่นระดับโครงสร้างง้างกับระบบ แต่เรื่องกลับค่อยๆแผ่วลงมาเล่นในระดับบุคคลทำให้เมื่อถึงบทสรุปกลายเป็นการประนีประนอมกับระบบที่เน่าในนั้น ปฏิเสธได้ยากว่าเจตนาของเรื่องบิดเบี้ยวไปในตอนท้ายเมื่อคนที่น่าจะถูกลงโทษบางคนกลับไม่ได้รับโทษแต่เลือกให้อภัยและแสดงความมีนโนธรรมในใจออกมาแบบง่ายเกินไป จึงส่งผลให้เป้าหมายหลังเป้าหมายในประเด็นข้างหลังในเรื่องของการทุจริตอิทธิพลมืดทั้งเรื่องเงินหรืออำนาจของการเขียน การบิดเบือน และการชี้นำของสื่ออ่อนพลังที่แม้สัมผัสได้แต่ก็ไม่ได้ใจ ที่สำคัญอีกอย่างคือเมื่อเป็นคดีที่สืบต้องสืบหาตัวฆาตกรหรือผู้ร้ายตัวจริงแบบนี้ การสืบคดียาวๆแบบนี้อาจทำให้ผู้คนดูสึกอ่อนล้าในการลุ้น ซ้ำบทยังใจร้ายไม่ให้รางวัลกับคนดูระหว่างทางที่เข้าใจว่าต้องการปูหาความสาแกใจในบทสรุป […]
Read More
รีวิวหนัง Mission Possible
ภาพยนตร์ Mission Possibleเป็นหนังเกี่ยวกับอาชญากรรม แนวแอคชั่นคอมเมดี้ เป็นอีกเรื่องที่สนุกมากๆ เนื้อเรื่องเบาๆ ไม่ดราม่ามาก เป็นการทำภารกิจของสายลับมือใหม่ เมื่อทั้งคู่ได้มาทำภารกิจร่วมกันความวุ่นวายจึงเกิดขึ้น! นักแสดงนำ อีซอนบิน รับบทเป็น หวังไอ่หลิง หรือ ยูดาฮี เจ้าหน้าที่ฝึกหัดที่จบการศึกษาในประเทศจีนแต่เติบโตที่เกาหลี เธอได้รับมอบหมายในเข้าไปสืบความลับเกี่ยวกับการลักลอบขนอาวุธ คิมยองกวัง รับบทเป็น อูซูฮัน เป็นอดีตเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานเอ็นไอเอสและยังเคยเป็นครูฝึกศิลปะการป้องกันตัวระยะประชิดอีกด้วย ปัจจุบันเปิดบริษัทเป็นนักสืบเอกชน เรื่องย่อ จากหน่วยข่าวกรองแจ้งว่ามีปืนจำนวนมากไหลเข้าสู่ประเทศเกาหลี หน่วยข่าวกรองหน้าใหม่ “ยูดาแฮ” จึงถูกส่งตัวไปยังเกาหลี ถึงแม้จะได้เจอเจ้าหน้าที่ระดับ “ท็อป” ของประเทศที่ตัดสินใจให้ความช่วยเหลือ แต่การทำงานและการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุของเขามีช่องโหว่มากมาย ทั้งสองจึงเกิดปากเสียงกัน แต่ผู้ที่พวกเขาไปพบเจอเพื่อหาเบาะแสกลับถูกฆ่าทิ้งหมด ทั้งสองจึงกลายเป็นผู้ต้องสงสัย เมื่อเผชิญหน้ากับอันตราย ทั้งสองจึงร่วมมือกันจัดการปัญหา หลังได้รับชม โดยรวมแล้วคือดีมากสมแล้วที่เป็นหนังแอคชั่นคอมเมดี้ เป็นการทำภารกิจสุดป่วนบวกกับมอบเสียงหัวเราะได้เกือบทุกฉากเลย แม้จะมีเนื้อหาเป็นหนังอาชญากรรมแต่กลับไม่ดาร์กมาก เหมาะสำหรับดูเป็นการคลายเครียด เบาสมอง แถมบทพระนางยังเข้ากันดีอีกด้วย แจกมุขตลกกันได้ทุกเรื่องและยังทะเลาะกันได้ทุกฉากอีกด้วย ฉากที่ชอบ ฉากแรกเลยนะคะ จะเป็นฉากที่หัวหน้าเฉา ช่วยเด็กทารกไม่ให้ถูกรถชนจึงวิ่งเข้าไปดึงเด็กออกมาและด้วยความสามารถของหัวหน้าเฉา เขาก็หลบรถได้ แค่นี้ก็เท่มากแล้วใช่ไหมละค่ะ ยังค่ะ มันยังไม่จบแค่นี้ กับมีรถอีกคันวิ่งมาชนหัวหน้าเฉาจากด้านหลัง ฉากนี้หัวหน้าเฉาของเราก็ปลิวหายไปเลยค่ะ 555+ หมดกันความเท่ที่ได้ทำมา! ฉากนี้มาน้อยแต่ฮานะ ต่อกันที่ฉากที่สองนะคะ เป็นฉากที่อูซูฮันอยู่กับยูดาฮี ไม่ว่าเขาจะเจอสถานการณ์แบบไหนก็สามารถยิงมุขได้ตลอด แถมยังตลกกลบเกลื่อนได้ดีอีกด้วย เป็นคนที่ไม่ชอบทำอะไรง่ายๆ […]
Read More