รีวิวหนัง ซีรี่ย์ VIU หนังดี หนังดัง ซีรี่ย์สนุกมากมาย

รีวิวInnocent Defendant อัยการแดนประหาร (2017)

INNOCENT DEFENDANT
ในความทรงจำ  Innocent Defendant อัยการแดนประหาร (2017)  ไม่หักมุมแต่พลิกแล้วพลิกเล่า เล่นกับอารมณ์อย่างเหนือชั้น

พลิกผันไปมาทั้งเรื่องแต่ไม่หักมุม  เล่นกับอารมณ์ผู้ชมด้วยความเหนือชั้นของบท  ชั้นเชิง  และการแสดงในระดับท็อปฟอร์มของสองนักแสดงนำ

Innocent Defendant

สมัยหนึ่งนั้นซีรีส์เกาหลีมักถูกมองว่ามีแต่งานรักโรแมนติกหวานเลี่ยนและดูไปบ่นไปก็คือหนึ่งในนั้นแม้ซีรีส์เกาหลีเรื่องแรกที่ดูจะเป็นดราม่าปัญหาสังคม  แต่นั่นคือสายตาของการที่ยังไม่ได้สัมผัสงานจากเกาหลีจริงๆแล้วกลายเป็นอคติ  จนเมื่อผู้เขียนได้ดูกับซีรีส์แนวสืบสวนสอบสวนที่ซ่อนเงื่อน  หักเหลี่ยมเฉือนคม  ดูแบบใช้สมองสุดขีด  ผ่านบทชั้นยอดอย่าง Stranger โดยบังเอิญเพราะป่วยนอนโรงพยาบาลแล้วไม่มีอะไรดู  และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของการมองซีรีส์เกาหลีในมุมใหม่ว่ายังมีแนวที่ชื่นชอบอยู่และหาดูแนวนั้นมาเรื่อยๆ  จนได้รู้ว่างานซีรีส์เกาหลีมีความหลากหลายและถึงพร้อมด้วยคุณภาพด้านบทและชั้นเชิง  เช่นเดียวกับเรื่องนี้ที่ผู้เขียนเลื่อนผ่านไปมาร่ำไปจนกระทั่งกำลังจะถูกถอดออกจาก NETFLIX (ตอนนั้น) จึงรีบมาดู  แต่ความเยี่ยมของเรื่องนี้ก็ทำให้ใช้เวลาดูจบแค่สามวัน Innocent Defendant

เปิดฉากมาที่การตามจับคนร้ายของอัยการพัคจองอู (จีซอง) ในงานศพที่เต็มไปด้วยสมาชิกแก๊งอันธพาล  หลังเลิกงานอัยการพัคก็กลับบ้านไปเป่าเค้กวันเกิดลูกสาว แต่เมื่อตื่นขึ้นมาอัยการพัคกลับตื่นมาในเรือนจำในฐานะนักโทษประหารด้วยคดีสังหารภรรยาและอำพรางศพลูกสาว  แต่อัยการพัคกลับสูญเสียความทรงจำส่วนนั้นไปด้วยกลไกทางสมอง และเรื่องก็เฉลยให้เห็นว่าต้นเหตุมาจากการที่ชามินโฮ (ออมกีจุน) ที่มีคดีฆาตกรรมแต่หลุดรอดไปได้และคนทำคดีก็คืออัยการพัคที่เป็นพวกกัดไม่ปล่อย  ถึงตรงนี้คืออัยการพัคถูกจัดฉากเป็นฆาตกรอย่างแนบเนียนจนทำให้อัยการคังจุนฮยอก (โอชางซอก) เพื่อนสนิทของอัยการพัคเสนอโทษประหารชีวิตพัคจองอูและศาลก็ตัดสินตามนั้น  จากอัยการจึงต้องกลายเป็นนักโทษประหาร  แต่เมื่อความทรงจำของพัคจองอูค่อยๆกลับมาทีละนิด  การกอบกู้ความทรงจำและการต่อสู้เพื่อทวงคืนความยุติธรรมความแค้นก็เริ่มขึ้น

Innocent Defendant

เรื่องนี้คือความกล้าในการแหกกฎที่ยอดเยี่ยม (ตอนนั้น) ในการสลับไทม์ไลน์เพื่อหลอกล่อสมองและนั่นคือสิ่งที่เรียกว่าชั้นเชิง  และอีกสิ่งที่เป็นลายเซ็นมาตรฐานของงานจากเกาหลีคือการหักมุมแบบโหดๆ  การเล่าเรื่องที่ซ่อนเงื่อนเร้นปมอย่างมิดชิด  บทที่พาความคิดไปไกลก่อนลงท้ายเทกระจาด  และนั่นก็เรียกว่าชั้นเชิงด้วยบทที่ไม่ได้นับจากหนึ่ง  ไม่ได้เริ่มจากตรงกลาง  หรือไม่ได้เริ่มจากสุดท้ายแล้วย้อน  แต่กลายเป็นสลับไปสลับมาผ่านชิ้นส่วนความทรงจำ  แต่แม้เดี๋ยวนู่นโผล่มาเดี๋ยวนี่ผุดมากลับไม่งงเพราะความละเอียดปลีกย่อยที่แทบไม่ถูกละเลยหลงลืม  ด้วยเค้าโครงถ้าขีดเป็นเส้นตรงก็คือการถูกใส่ร้ายแล้วต้องทวงความยุติธรรมพร้อมกับกู้คืนความทรงจำและแก้แค้นของนักโทษผู้บริสุทธิ์  แต่การเล่าเรื่องกลับเป็นการตัดเส้นที่ขีดไว้เป็นชิ้นๆแล้วเรียงแบบสลับไปมา  ก่อนตั้งหน้าตั้งตาเร้าอารมณ์ผู้ชมเมื่อเวลาอันควรแต่ผู้ชมไม่งงก็คือความน่าทึ่ง

การเปิดก่อนแล้วย้อนมาเฉลยครั้งแล้วครั้งเล่าที่ยังได้ผลทำให้ยังเป็นความน่าทึ่ง ส่วนการเล่าเรื่องที่ไม่ได้ปิดเร้นปมใดๆแต่กล้าที่จะเปิดหน้าออกมาว่ายังไงพระเอกก็บริสุทธิ์  แต่การเปิดหน้าออกมานั้นแน่นจนบางครั้งผู้ชมสงสัยทั้งที่เชื่อใจซึ่งมันยังเป็นความน่าทึ่ง  เกมซ่อนกลที่ถูกวางไว้ว่าเป็น A Perfect Murders ที่ละเอียดแล้วค่อยๆแกะออกมาส่งเสริมความเร้าใจและระทึกก็ยังคงเป็นความน่าทึ่ง  รวมไปถึงการมีเรื่องของ Catch Me If You Can ที่ท้าทายเพราะไม่ได้ซ่อนตัวร้ายให้เดาแต่เปิดกันตรงๆเน้นที่การหักเหลี่ยมเฉือนคมกันมันยิ่งน่าทึ่ง  ผู้ชมรู้ทั้งรู้ว่าเรื่องจะไปลงเอยแบบไหนแต่ลุ้นระทึกทุกรายละเอียดก็น่าทึ่ง  แต่ทุกความน่าทึ่งที่เอ่ยมาอยู่ในบทที่สุดลงตัวและการเดินตามเจตนาอย่างเคร่งครัดทำให้เร้าใจตั้งแต่ต้นจนจบ  แต่บนความน่าทึ่งทั้งหมดก็มีรู้สึกว่าพยายามบีบมากเกินไปในบางช่วง  ทำให้กังขาบ้างว่าทำไมไม่เลือกวิธีที่ง่ายกว่าแต่ถ้ามองข้ามไปได้ก็โอเค

Innocent Defendant

สิ่งหนึ่งที่ยากคือการวางมิติของตัวเอกให้ผู้ชมให้รู้สึกเชื่อใจแต่ลึกๆก็ยังสงสัย ซึ่งมันต่างจากรู้สึกสงสัยแต่ลึกๆยังเชื่อใจเพราะการวางมิติของตัวละครให้เป็น God ปะทะ Evil ซึ่งเส้นแบ่งถูกขีดไว้ชัดทำให้ในใจผู้ชมเชื่อว่าพระเอกถูกใส่ร้าย  แต่ลึกๆยังสงสัยว่าเขาได้ทำอะไรสักอย่างในกระบวนการนั้นหรือไม่  อีกอย่างที่ได้ใจคือการวางมิติของพระเอกให้เป็นการสู้แบบจนตรอกเพราะอยู่ในเรือนจำที่ไม่มีประตูสู้จึงกอบโกยทั้งอารมณ์ร่วมและความเห็นใจ  ต่อมาคือการวางตัวร้ายให้ร้ายอย่างน่ารังเกียจและคงไม่มีใครปฏิเสธว่าต่อให้ตัวร้ายน่ารังเกียจขนาดไหนเพราะดูเหมือนทำอะไรก็หลุดไปได้ แต่ผู้ชมยังเชื่อว่าในท้ายที่สุดตัวร้ายต้องได้รับผลของการกระทำอย่างสาสมที่ความจงชังของผู้ชมที่มีอาจจะทำให้ผู้ชมบางคนคิดว่าบทสรุปของตัวร้ายไม่ควรออกมาแบบนี้ด้วยซ้ำเพราะมันไม่สะใจ

อีกส่วนในเรื่องมิติที่ช่วยกอบโกยอารมณ์ผู้ชมคือการที่พระเอกและผู้ร้ายฉลาดและทันกันไม่ได้โดนต้อนจนมุมฝ่ายเดียว  เมื่อถึงเวลาก็คือการใช้กลยุทธสู้กับเล่ห์เหลี่ยม  และมันยิ่งสะใจผู้ชมเมื่อความดีให้รางวัลกับผู้ชมในตอนท้ายที่แม้ดูทุลักทุเลบ้างก็ยังดีเพราะก็ทำร้ายจิตใจผู้ชมมาแทบทั้งเรื่องแล้ว  แต่สุดท้ายความกล้าที่จะสุดโต่งของตัวร้ายที่ดึงความเกลียดชังทั้งหมดจากผู้ชมไว้กลับทำให้เป็นแผลในตอนจบ  เมื่อเห็นความพยายามเรียกร้องความเห็นใจจากผู้ชมทั้งที่ไปสุดทางมาตลอดจนทำให้แม้จะเข้าใจสิ่งที่จะสื่อว่าทุกคนต้องอยู่ภายไต้กฏหมายเดียวกัน  และความยุติธรรมต้องมาจากกฎหมายไม่ใช่ศาลเตี้ยหรืออารมณ์ความรู้สึกส่วนตัว  แต่เมื่ออารมณ์ผู้ชมถูกพาทัวร์ไปไกลลิบแล้วจึงกลายเป็นไม่สะใจ จนเป็นรอยแผลให้เรื่องที่กำลังจะแตะเส้นชัยแบบรวดเดียวจบมาสะดุดตอนท้ายนิดเดียว  เพราะอารมณ์ผู้ชมดันไปไกลสุดกู่ยากที่จะกลับตัว

Innocent Defendant

อีกสิ่งที่ทำให้ได้ใจผู้ชมต้องยกให้การแสดงของสองเสาหลักของเรื่องคือจีซองและออมกีจุนในบทพระเอกและผู้ร้ายของเรื่อง  การแสดงของคนคู่นี้คือการแสดงระดับมาสเตอร์พี สำหรับจีซองเล่นแบบไม่ห่วงหล่อในการถ่ายทอดบทบาทที่หลากหลายมิติ  ทั้งความจำเสื่อม  ความรู้สึกสับสน  ความโศกเศร้าเสียใจ  ความคับแค้น  ความเฉลียวฉลาด  การระเบิดอารมณ์ที่อัดอั้นในอก  และการอดทนอดกลั้นเพื่อผลที่ดีกว่าจีซองถ่ายทอดออกมาอย่างไม่มีที่ติ  สมบูรณ์แบบจนไม่มีอะไรมาให้สะกิดใจ  ส่วนอีกเสาหลักที่ช่วยค้ำให้เรื่องนี้ดูสนุกมีความบันเทิงคู่กับคุณภาพคือการแสดงของตัวร้ายที่มีมาครบหมดทั้ง  โรคจิต  ยียวน  กวนบาทา  น่าหมั่นไส้  แต่นั่นเพราะการแสดงในระดับมาสเตอร์พีเช่นกันของออมกีจุน เพราะด้วยบทที่ร้ายจริงแต่ไม่โอเวอร์มันยากแถมยังมีมิติในความรักลูกติดมาหน่อยแต่มันไม่ทันแล้วเมื่ออารมณ์ผู้ชมไปไกลสุดกู่ขนาดนั้น

เมื่อสองนักแสดงหลักที่แสดงได้แบบนี้จึงต้องยอมรับว่านักแสดงคนอื่นๆกลายเป็นแค่ตัวประกอบสมบูรณ์แบบไป แต่สิ่งหนึ่งที่ยังต้องชื่นชมคือก๊วนเพื่อนร่วมห้องขังที่ช่วยดึงอารมณ์ของเรื่องไว้ไม่ให้ตึงเกินไปด้วยตัวละครที่น่ารักเปี่ยมสีสันทำให้บนความขมึงตึงยังมีรอยยิ้มอยู่บ้าง  ส่วนคนอื่นๆก็อยู่ในมาตรฐานงานจากเกาหลีที่การแสดงจะเข้าขั้นดีแม้กระทั่งตัวประกอบฉาก  แต่มีคนหนึ่งที่ยังไปไม่ถึงจุดนั้นทั้งที่ควรเป็นตัวผู้เล่นที่มีผลต่อเกมคือโอชางซอกในบทอัยการคังจุนฮยอกที่ดูออกว่าตั้งใจจนเกร็งและทำให้ตัวละครที่น่าจะเหนือความคาดหมายกลายเป็นโดนมองออกตั้งแต่ต้น  แต่ถ้ามองในภาพรวมความเหนือชั้นของการเล่าเรื่องที่สนุกเข้มข้น  อารมณ์ขันที่ช่วยให้ไม่ตึงจนสมองล้า  การเล่นกับอารมณ์รักและเกลียดของผู้ชมอย่างเต็มที่  ก็ทำให้งานนี้คืองานดีที่มีทั้งความบันเทิงและคุณภาพคับจอได้อีกเรื่องหนึ่ง

Innocent Defendant

สิ่งหนึ่งที่จะเรียกว่ากลายเป็นลายเซ็นของงานจากเกาหลีทั้งหนังหรือซีรีส์นั่นคือการหักมุม ซึ่งกับเรื่องนี้อาจไม่ใช่แบบนั้นเพราะแม้เรื่องจะเต็มไปด้วยความพลิกผันแต่ไม่หักมุม  ส่วนการซ่อนปมฆาตกรรมยังทำได้เยี่ยมด้วยการเล่นเรื่องของการสูญเสียความทรงจำและการปะติดปะต่อความทรงจำก็คือการปะติดปะต่อเรื่อง  แต่ยังมีข้อกังขานิดหน่อยในเรื่องของสาเหตุของความทรงจำที่หายไป  ซึ่งด้วยความเป็นงานซีรีส์ขนาดยาวนั้นถ้าไม่ย้ำบ้างมักทำให้ผู้ชมหลงลืมจนกลายเป็นความน่ากังขา  แต่สิ่งที่ต้องยอมรับว่าการเล่าเรื่องแบบนี้มันแหวกมันยืนยันให้เห็นความหลากหลายของคุณภาพระดับสูงของการเขียนบทของเกาหลี  เพราะงานนี้แม้จะเป็นแผลเล็กน้อยมีรอยขีดข่วนบ้างแต่ก็ไม่ถึงขนาดลดความน่าเชื่อถือหรือความเข้มข้น  เป็นความบันเทิงที่มีคุณภาพสูงมากอีกเรื่องที่หากท่านยังไม่ได้ดูกรุณาไปดูด้วยเพราะอาจทิ้งความน่าเสียดายไว้ในใจว่าไปอยู่ไหนมาถึงเพิ่งมาดู

สิบแปดตอนในสามวันจนกลายเป็นประทับในความทรงจำ ดูไปบ่นไป viu

Innocent Defendant
Innocent Defendant