ใครว่าเกาหลีไม่มีน้ำเน่า จากการดูงานหนังและซีรีส์เกาหลีมาอย่างมากมายในช่วงสองปีที่ผ่านมาบอกเลยว่ามีเยอะ แต่ในความน้ำเน่าของเกาหลีจะไม่มีกลิ่นโชยออกมา นั่นหมายความว่าน้ำเน่าได้ผ่านการบำบัดออกมาเป็นน้ำสะอาด ถ้าจะว่ากันแบบแรงๆเลยคือน้ำเน่าเกาหลีมีความเป็นมนุษย์มากกว่า มองเห็นภาวะเป็นจริงมากกว่า ถ้าจะสังเกตจริงๆหนังหรือซีรีส์เกาหลีหลายต่อหลายเรื่อง มักเล่าเรื่องและทางไปในทางเดียวกัน เช่น When The Camellia Blooms (2019) ที่จัดว่าเป็น Best Of The Best ของผู้เขียนกับ Flower Of Evil (2020) ที่แกนของการเล่าเรื่องแทบไม่ต่างกันเมื่อตัวเอกเป็นคนที่มีปมอะไรบางอย่าง แล้วเลือกเร้นกายไปยังที่อื่นเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่เพื่อหลีกหนีความวุ่นวายบางประการ
แต่ความวุ่นวายนั้นก็ไม่วายเข้ามาอันนำพาชีวิตต้องผ่านตัวแปรที่หลากหลายแล้วก็ผ่านมันไปด้วยความรัก ซึ่งไม่ต่างกันเพียงแต่ความเก่งในการเล่าเรื่อง การใส่รายละเอียด การบิดเส้นเรื่องให้เป็นแนวที่ต่างไป ทำให้บางทีของที่ดูเก่ากลับกลายเป็นไม่ล้าสมัยซ้ำยังดูเป็นความสดใหม่อยู่เสมอ นั่นหมายความว่าอะไรก็ตามที่เป็นของเก่าหากอยู่ในมือของคนที่มือถึงและเล่าเรื่องเก่งมันก็จะไม่เก่าในสายตาผู้ชม ซึ่งที่ผู้เขียนจะสื่อคืองานจากเกาหลีก็ไม่ต่างจากทั่วไปที่บางทีก็เล่าเรื่องเดิมหยิบเอาของเก่ามาปัดฝุ่นไม่ต่างกัน เพียงแต่ ความต่างของการเขียนบทและฝีมือของผู้กำกับในการเล่าเรื่อง ทำให้งานหนังหรือซีรีส์ที่อาจดูซ้ำๆกลับทำออกมาให้ดูสนุก
ก็ใช่ที่มีบ้างที่อาจไม่ถึงกับเนี้ยบจนไม่มีที่ติและมองเห็นว่าเป็นงานที่น้ำเน่า หากแต่กลับดูสะอาดไร้กลิ่นไร้ตะกอน ทั้งที่บางเรื่องราวอาจเล่ากันมาตั้งแต่ยุคโบราณแล้ว แต่ถ้างานที่ว่าออกมาแข็งแรงและสัมผัสได้จะยิ่งสามารถเข้าไปนั่งในใจผู้ชมได้มากยิ่งกว่า เช่นกันกับหนังเกาหลีที่ผู้เขียนดูจบด้วยความประทับใจเรื่องล่าสุด ที่ว่ากันตามตรงพล็อตแบบนี้มีให้เห็นไม่ต่างจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในร้านสะดวกซื้อที่หลากหลายยี่ห้อแต่มันก็คือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่ดี แต่พล็อตเก่าคร่ำคร่าแบบนี้กลับถูกเล่ามาได้แสนประทับใจเพราะดูไปมีทั้งรอยยิ้มและคราบน้ำตา
เรื่องย่อ
ดูซอค และจองแบ สองนักทวงหนี้ที่ดูปุ๊บก็รู้ทันทีว่าเป็นพวกขี้แพ้แต่จิตใจดี และคนทั้งสองก็มีมิตรภาพอันดีต่อกันมาจากกรมทหารทำให้ทั้งคู่เป็นปาท่องโก๋ตัวติดกัน วันหนึ่งทั้งสองคนได้มาตามทวงหนี้จากมยองจา หญิงสาวที่มีลูกเล็กๆ แต่เมื่อมยองจาไม่มีเงินจ่ายหนี้ด้วยความคิดชั่ววูบของดูซอคจึงจับตัว ซงอี ลูกสาวของมยองจามาเป็นหลักประกันว่าแม่จะต้องมาจ่ายหนี้เพราะต้องการลูก แต่ชีวิตมันไม่ง่ายขนาดนั้นเมื่อการพยายามหาเงินของมยองจาได้สร้างความรำคาญกับบางคนจนแจ้งตำรวจและมยองจาคือลูกครึ่งจีนเกาหลีที่ลักลอบเข้าประเทศมาอย่างผิดกฏหมาย
แน่นอนว่านอกจากจะไม่มีเงินใช้หนี้เธอยังต้องถูกส่งตัวกลับประเทศจีน แต่ก่อนจากไปเธอได้ฝากฝังให้ดูซอคส่งตัวซงอีที่เขาและจองแบเรียกแม่หนูว่า ยัยของจำนำและยัยของจำนำก็เรียกเขาว่าอาจาชี่ (คุณลุง) ให้ส่งตัวแม่หนูให้กับญาติที่เธอมีที่อยู่เมืองปูซาน ทว่าด้วยความน่ารักและใสซื่อของยัยของจำนำก็แปรหัวใจที่พยายามแข็งของลุงดูซอคให้เริ่มละลาย จนกระทั่งการส่งตัวหนูน้อยของจำนำไปกลายเป็นส่งเข้าสู่อุ้งมือมาร เมื่อเธอถูกขายไปให้กับร้านคาราโอเกะที่ใช้งานเธอเยี่ยงทาส กระทั่งดูซอครู้ข่าวจึงได้ไปรับแม่หนูกลับมา แล้วก็ไม่อาละวาดอะไรเมื่อก็ไถ่ตัวมาตามราคาที่ต้องจ่าย แต่เมื่อกุญแจแห่งมโนธรรมในใจถูกเปิดไขดูซอคและจองแบก็ดูแลหนูน้อยมาจนเติบใหญ่ด้วยความรักและความอบอุ่น
จนเมื่อซงอีในวัยสาว กำลังจะจบมหาวิทยาลัยข่าวของแม่ของเธอก็มาเมื่อแม่ที่ทิ้งไปกำลังจะสิ้นใจด้วยโรคร้าย ดูซอคจึงพาซงอีไปเยี่ยมแม่ที่เมืองจีน แต่คำขอร้องครั้งสุดท้ายของคนใกล้ตายก็บอกว่าขอให้หาตัวพ่อของซงอีให้เจอเพราะอย่างน้อยซงอีก็ควรรับรู้ว่าตัวเองมีพ่อ จนเมื่อวันที่ซงอีต้องเจอพ่อแท้ๆผู้ให้กำเนิดเธอจึงได้บอกกับคนที่เป็นพ่ออีกคนที่เลี้ยงดูเธอมาว่าเขาคือพ่อของเธอในใจเสมอมา และนั่นคือความสุขสุดท้ายก่อนที่ดูซอคจะหายไปจากชีวิตซงอีและเธอตามหาอาจาซี่ตลอดมา สุดท้ายเรื่องราวอาจไม่พลิกความคาดหมาย แต่ก็ปักกลางใจเมื่อได้หมดทั้งความซาบซึ้ง อบอุ่น อิ่มเอม โดยที่รอยยิ้มอยู่หลังคราบน้ำตา
เพราะความฉลาดเล่า จึงทำให้เรื่องที่ดูเก่ายังคงประทับใจและไม่รู้สึกว่าถูกยัดเยียด
ถ้าว่ากันที่หน้าหนังเชื่อเลยว่าร้อยทั้งร้อยคิดว่านี่คือหนังฟีลกู้ดหนังโลกสวย ซึ่งก็ไม่ผิดเมื่อหนังก็ยังคงเป็นเช่นนั้น เพียงแต่ฐานรากของการเล่าเรื่องให้ออกมาแบบนั้นมันหนักหน่วง และที่สำคัญก็มองเห็นว่าเรื่องที่เห็นกับตาสามารถเกิดขึ้นได้จริงๆบนโลกที่บูดเบี้ยวทางมโนธรรมใบนี้ ด้วยพล็อตเรื่องที่ว่าหนึ่งเด็กหญิงผู้สิ้นไร้ทุกอย่างกับหนึ่งมนุษย์ผู้ที่อาจไม่ถูกมองว่าดีนักจากภายนอกหากแต่หัวใจกลับอุ่นระอุ ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นจากความคิดชั่ววูบจากความจำเป็นหรืออะไรก็ตามแต่ ได้ปลุกความดีที่ฝังลึกข้างในใจให้ตื่นขึ้นมาทำทุกอย่างเพื่อเด็กน้อยผู้น่าสงสาร และเรื่องแบบนี้ท่านกล้านับหรือไม่ว่า ได้ผ่านตามากี่ครั้ง
และท่านสามารถรำลึกได้หรือไม่ว่าครั้งแรกที่เคยผ่านตามามันผ่านมานานขนาดไหน ซึ่งเรื่องเก่าเก็บแบบนี้การจะเอามาเล่าให้ไม่ถูกมองว่าเป็นความโบราณคร่ำคร่าต้องมาจากสิ่งที่เรียกว่าฉลาดเล่า เมื่อเรื่องนี้เล่าเรื่องซ้อนเรื่องด้วยเรื่องการตามหาชิ้นส่วนในชีวิตที่หายไป สลับกับการเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นเมื่อครั้งยังเยาว์วัยของเด็กคนหนึ่งที่เป็นฐานรากของอารมณ์ ที่เด็กคนนั้นได้โตมาพร้อมกับความรักของคุณลุงที่ไม่ใช่ญาติแต่กลับดูแลเธอดียิ่งกว่า พร้อมความทรงจำที่ได้ผ่านเรื่องราวทั้งร้ายและดีมาด้วยกัน แต่เมื่อความฉลาดเล่าอยู่ในมือคนที่มือถึงอารมณ์ก็ถึง กับเรื่องนี้ที่เห็นชัดเจนว่าคัดสรรมาแต่เนื้อๆเน้นๆในประเด็นกระชากใจแต่มันดูไม่เหมือนถูกยัดเยียดให้
ก็ใช่ที่มันเห็นเค้าลางของการเลือกเรื่องที่จะมาเรียกน้ำตา แต่การเล่าเรื่องที่ปูพื้นความสัมพันธ์มาอย่างดีกลับทำให้มองเห็นภาวะเป็นจริงจนเกือบเอื้อมมือเข้าไปได้ ด้วยความละเอียดที่แม้จะเห็นว่าถูกเลือกมาอย่างดีเพื่อได้ใจเช่นเรื่องของเงินที่ซ่อนในถุงเท้าตอนซื้อซีดีแถมโปสเตอร์ แล้วมาสัมผัสกับบัญชีเงินออมของยัยของจำนำที่ซ่อนในถุงเท้าในตอนท้ายที่ยิงโดนแบบยากจะกลั้นน้ำตาได้ หรือการโฟกัสไปที่สองเท้าที่ยืนหยัดสู้เพื่อชีวิตของยัยของจำนำกระทั่งขายสมบัติชิ้นสุดท้าย พื้นรองเท้าที่สึกกร่อน รองเท้าใหม่ที่ยัยของจำนำทำเพื่อคุณลุง จนมาถึงภาพสองเท้าที่ใส่รองเท้าคู่นั้นพายัยของจำนำเดินไปในวันแต่งงานเพราะนั่นคือหน้าที่ของพ่อ เชื่อเถอะว่าอย่างน้อยก็มีขนลุก
แถมยังมีอีกมากมายทีดูเห็นว่าพยายามแต่ดูไม่ยัดเยียด เพราะเรื่องได้ถูกเล่าจนมองเห็นว่าชีวิตคนทั้งสองบวกหนึ่งนี้สามารถพบเจอได้ในชีวิตประจำวันเพียงแต่อาจไม่สะดุดตา อีกความดีงามคือการเลือกเล่าเป็นเรื่องราวของยุคสมัยเลยทำให้ภาพของยุคเก่ามันล้อกับเรื่องที่เล่าที่ไม่ใหม่ ความเยี่ยมอีกอย่างคือการที่บทไม่โยนความผิดไปให้ใคร ทั้งแม่ที่ต้องจำใจจากไป การลักพาตัวหนูน้อยมาของคุณลุงทั้งสอง การขายเธอไปด้วยความเป็นปัญหาทางสังคม กระทั่งพ่อแท้ๆที่จากไป หากแต่เลือกให้เห็นว่านี่คือโชคชะตาที่ถูกขีดไว้โดยพระหัตถ์ของพระเจ้า
ความรักความอบอุ่นสามารถเปลี่ยนชีวิตคนได้แม้อาจไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน
ถ้าจะมีหนังเรื่องไหนที่ฉายภาพความดีที่มีในใจมนุษย์ได้อย่างเห็นภาพก็คงจะมีเรื่องนี้เป็นหนึ่งในนั้น เพราะแม้จะเป็นเรื่องราวชีวิตชนชั้นกลางค่อนล่างในสังคมก็ยังเห็นความดีงามที่จะสามารถเปลี่ยนชีวิตคนได้ ภาพที่ออกมาจึงหาใช่เพราะเงินทองหรือความมั่งคั่งที่จะเปลี่ยนชีวิตของหนึ่งชีวิตที่ดูแล้วไม่น่าจะมีทางไปในอนาคตให้กลายเป็นความสดใสได้ เพราะบางครั้งเช่นกันทีความมั่งคั่งร่ำรวยเงินทองก็ไม่สามารถทำให้หนึ่งชีวิตเป็นไปตามครรลองของความถูกต้องได้หากว่าขาดความอบอุ่นหัวใจ ก็ใช่ที่ครอบครัวไม่ว่าเศรษฐีหรือยาจกก็ย่อมต้องก่อร่างขึ้นมาด้วยความรักเป็นฐานราก หากแต่สิ่งที่อาจมีไม่เหมือนกันคือความอบอุ่นที่จำต้องมีอยู่ควบคู่ไปกับความรัก
เมื่อความรักที่ไร้ความอบอุ่นก็ไม่ต่างจากสร้างความหนาวเหน็บในใจ แต่สองลุงกับหนึ่งของจำนำที่แม้จะแทบสิ้นไร้เมื่อต้องขายสมบัติชิ้นสุดท้ายเพื่อไถ่ตัวเธอกลับมา ความจริงด้วยความเป็นคุณลุงนั้นเท่าที่เห็นหากเดินผ่านมาเห็นก็อาจคิดว่าเป็นคนธรรมดาที่ไม่มีอะไร แต่ใครเล่าจะรู้ว่าคนที่แสนธรรมดาคนนั้นสามารถมีความอุ่นระอุในใจและสามารถทำทุกอย่างเพื่อคนหนึ่งคนจนกระทั่งเปลี่ยนชีวิตคนคนนั้นไปตลอดกาล เช่นกันที่หนึ่งหนูน้อยที่ไร้เดียงสาผู้สิ้นไร้แต่จิตใจใฝ่ดีก็คือหยาดน้ำทิพย์ชโลมหัวใจที่เหี่ยวเฉา เป็นพลังที่ทำให้เปลี่ยนจากคนทวงหนี้นอกระบบมาเป็นคนที่มีอาชีพที่อยู่ในมุมสว่างของโลกได้ นั่นเพราะความสัมพันธ์ที่มาจากหัวใจของลุงกับของจำนำ
แม้อาจไม่ใช่สายเลือดเดียวกันหากแต่หนังก็บอกตรงๆว่ามันเริ่มมาจากความเป็นมนุษย์ที่ทนไม่ได้ ที่เห็นมนุษย์ตัวเล็กๆหนึ่งคนต้องสู้ทนและเผชิญกับโลกโหดร้ายเพียงลำพัง เช่นกันที่มีบางอารมณ์ที่มองผ่านสายตาที่เต็มไปด้วยความคิดของคุณลุงแล้วเห็นว่า โลกที่สุดโหดที่เด็กน้อยต้องพานพบตัวเองคือคนที่สร้างมันขึ้นมา ความเป็นมนุษย์ ความดีที่มีอยู่ข้างใน และความรู้สึกผิดก็ทำให้หัวใจที่เป็นก้อนขี้ผึ้งที่อาจแข็งเมื่อเจอความเย็นหรืออากาศทั่วไป หากแต่ก้อนขี้ผึ้งก็อ่อนได้ละลายได้เมื่อเจอกับความอุ่นระอุ แล้วเมื่อก้อนขี้ผึ้งอ่อนลงก็สามารถปั้นหรือหล่อหลอมเป็นรูปร่างที่สวยงามได้
เช่นดั่งคุณลุงที่หล่อหลอมชีวิตของยัยของจำนำให้เป็นรูปหล่อที่สวยงาม แต่พิมพ์ที่หล่อนั้นก็อาจต้องมาจากแม่พิมพ์ที่สวยงาม เมื่อการอยู่กับแม่แม้เพียงช่วงหนึ่งของชีวิตยัยของจำนำก็ได้ฝังเมล็ดพันธุ์ของความดีอยู่ในใจแล้ว ดังนั้นทุกเรื่องราวที่งดงามจึงก่อร่างด้วยความรักและความอบอุ่น เพราะกระทั่งที่ซุกหัวนอนที่เป็นตู้คอนเทนเนอร์แคบๆก็ยังมีความอบอุ่นเพราะความมองโลกในแง่ดีจากความรักของแม่ และแม้แม่จะจากไปแต่สิ่งที่ปลูกฝังอยู่ข้างในยังแข็งแรงดี ความรัก ความเมตตา ความอบอุ่นที่ได้รับจากคุณลุงจึงหล่อหลอมให้ยัยของจำนำเป็นคนดีมีชีวิตที่ดี ถึงที่สุดคำว่าพ่อก็คู่ควรกับชายคนหนึ่งที่ไม่ได้มีมากมาย มีแค่หัวใจที่ล้นปรี่ในการมอบชีวิตที่ดีให้กับยัยของจำนำ
เมื่อหัวใจผู้ชมถูกละลายด้วยรอยยิ้มและการร้องให้ที่ไม่ดูเสแสร้ง
จะมีกี่ครั้งที่คุณพ่อแห่งชาติซองดงอิลจะถูกขโมยซีน เพราะถ้าจะกล้ายกย่องว่ายอดฝีมือชื่อของลุงจะต้องถูกนึกถึงแน่นอน และมีไม่กี่ครั้งที่ลุงจะถูกขโมยซีน (ส่วนใหญ่ขโมยคนอื่น) เพราะถ้าไม่เก่งหรือเก๋าพอแล้วมาร่วมจอกับลุงเอาแค่ไม่โดนลุงฝังกลบก็นับว่าเยี่ยมแล้ว แต่ใครจะเชื่อว่าลุงซองดงอิลผู้เป็นพ่อของนักแสดงมาแล้วทั่วทั้งวงการบันเทิงเกาหลี (มั้งนะ) จะถูกนักแสดงเด็กขโมยซีน แล้วก็เป็นไปแล้วเมื่อเสน่ห์และการแสดงที่เป็นธรรมชาติของน้องหนูพัคโซยีที่สะกดทั้งสายตาและอารมณ์ผู้ชมจนน้ำตานองหน้า ด้วยการแสดงที่ไม่เหมือนการแสดง รอยยิ้มที่ดูไม่ฝืน การแสดงอารมณ์เชิงดราม่าไม่มีที่ติ
เอาง่ายๆแค่ฉากที่นั่งกินข้าวปั้นเพียงลำพังแค่นั้น ไม่ต้องฟูมฟาย ไม่ต้องร้องให้ ธรรมดาๆแต่ทำให้สงสารจับใจ ยังไม่ต้องไปพูดถึงการใส่อารมณ์แบบสุดขีดที่ผู้ชมรู้ทั้งรู้ว่ามันคือดราม่าที่ถูกเลือกมาใส่ แต่ผู้ชมก็ยังเชื่อและตกหลุมรักน้องไปทั้งใจ ซ้ำยังไม่พอการแสดงที่เข้าคู่กับซองดงอิลที่เข้ากันอย่างลื่นไหลแต่ขโมยสายตาผู้ชมไปได้เป็นพักๆ นี่คือมาตรฐานนักแสดงเด็กที่สูงมากจนผู้เขียนเชื่อว่าน้องคงจะต่อยอดไปได้อีกไกล ส่วนลุงซองดงอิลนั้นส่วนหนึ่งที่ถูกเด็กขโมยซีนน่าจะมาจากการที่ลุงผูกขาดบุคลิกตาแก่ปากร้ายใจดีที่ลุงแสดงแบบนี้มาจนหลับตาเล่นก็ยังได้ ลุงอาจยังคงแสดงได้อย่างไร้ที่ติเพียงแต่มันยังคงเป็นภาพติดตาผู้ชมในเรื่องของบุคลิกเท่านั้น
แต่กระนั้นทุกอย่างก็ออกมาดีที่อาจมีล้นนิดหน่อยเมื่อถึงช่วงที่ต้องเล่นกับฮาจีวอน ด้วยเงื่อนของเวลาในเรื่องและสภาพสังขารที่ดูไม่เปลี่ยนแปลงมากเลยทำให้ดูล้นไปในช่วงที่ยัยของจำนำโตขึ้นมาแต่ว่าคล้ายกับลุงยังอายุเท่าเดิม และนี่ก็คือจุดเดียวที่ทำให้หนังยังไปไม่ถึงในระดับไร้ริ้วรอย แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นปัญหามากมายเมื่อการแสดงยังสื่อสารได้เต็มที่ กระทั่งฮาจีวอนที่แสดงเป็นคนธรรมดาที่ไม่ใช่นางพญาได้อย่างน่าทึ่งในการข่มเสน่ห์และบารมีไม่ให้เกินคาแร็คเตอร์ และต้องยอมรับว่าเธอต้องยอมเป็นรองซองดงอิล แต่จะด้วยความจงใจของบทหรือการแสดงที่ยอดเยี่ยมของเธอในมุมนั้นมันก็คือส่วนดีของเรื่อง
เพราะเมื่อถึงฉากที่สะเทือนอารมณ์ในตอนท้ายเมื่อยัยของจำนำตามหาคุณลุงเจอ หรือฉากที่ตื้นตันจนขนลุกเมื่อคุณลุงที่เป็นพ่อของเธออย่างเต็มตัวพาเธอเดินเข้าพิธีวิวาห์ นั่นคือการแสดงสามารถดึงหัวผู้ชมไปได้ทั้งหมด แต่จะไม่เอ่ยถึงนักแสดงสมทบอย่าคิมฮีวอนที่เป็นกำลังเสริมให้กับความสัมพันธ์ของคนสองวัย และเป็นพื้นฐานของความมีจิตใจดีของคุณลุงดูซอคก็คงไม่ได้ เพราะการแสดงที่เป็นตัวสนับสนุนชั้นเลิศของเขาทำให้มิติเชิงความสัมพันธ์ถูกเล่าอย่างมีน้ำหนัก ทั้งการเล่นน้อยแต่น่าจดจำของคิมยุนจินในบทแม่ที่ผู้ชมรู้สึกรันทดไปกับเธอ การปรากฏตัวที่ไม่นานแต่มีนาทีทองของคุณยายนามูนฮี ด้วยบทที่ส่งกับการแสดงที่รับผิดชอบหน้าที่อย่างต้องยืนปรบมือ มันจึงทำให้หนังปักทะลุหัวใจผู้ชมจนเชื่อว่าน้อยคนจะกลั้นน้ำตาไว้ได้
วลีที่ว่า “ฟ้าหลังฝนสดใสเสมอ” ก็ยังคงเป็นสัจธรรม เพียงแต่ก่อนที่ฝนจะหยุดให้เป็นความงดงามของท้องฟ้าและสายรุ้งมันต้องผ่านช่วงเวลามืดหม่นรุนแรงของพายุ และเรื่องนี้เป็นเช่นนั้น เมื่อถึงจะมีบทสรุปที่ดีต่อใจแต่ก่อนหน้านั้นหนังได้พาหัวใจผู้ชมไปปู้ยี่ปู้ยำกับความรันทด หดหู่กับชะตาชีวิตของคนที่อาจบางทีไม่มีคุณค่าในสายตาใครเลย แต่หาใช่พระเจ้าจะโหดร้ายทั้งหมด เมื่อยังมีสายตาบางคู่ที่ยังมองเห็นหากแต่สายตาคู่นั้นมันเป็นสายตาของมนุษย์ที่มีความเป็นมนุษย์อยู่เต็มตัว เรื่องเลยถูกเล่าในแบบที่พายุโหมกระหน่ำ ฝนที่เทลงมามีซาเม็ดบ้างแต่ก็ไม่ได้หยุด จนกระทั่งพรั่งพรูลงมาอีกครั้งก่อนที่จะหยุดแล้วท้องฟ้าเปิดให้เห็นความสดใสมีสายรุ้งที่ปลายฟ้า
จึงเป็นความงดงามที่มองเห็นเป็นชีวิตจริงไม่ใช่เดินออกมาจากหน้าหนังสือนวนิยายที่อะไรก็เป็นใจไปหมด ก็ใช่ที่ยัยของจำนำอาจจะโชคดีที่เจอกับอาจาชี่ผู้มีข้างในที่งดงาม และใช่ว่าทุกคนจะโชคดีเช่นเธอ แต่หนังก็บอกผู้ชมว่าความดีงามในหัวใจ ความรักที่ไม่หวังสิ่งใดตอบแทนของลุง ได้มอบความอบอุ่นให้หัวใจที่เหน็บหนาวเปล่าเปลี่ยวของยัยของจำนำ และความที่ยัยของจำนำมีจิตใจที่ใฝ่ดี รักดี อันมาจากพื้นฐานของการมองโลกในแง่ดีที่มีรอยยิ้มแม้วันที่อับจนของแม่ แล้วมันก็ทำให้ความรักความห่วงใยของลุงไม่สูญเปล่าเมื่อยัยของจำนำที่ถูกดูแลมาอย่างดีเท่าที่คนอย่างลุงทำได้ก็เติบโตมาอย่างดี และทุกอย่างก็เป็นการทำด้วยหัวใจล้วนๆใช่หรือไม่…
ถึงบทสรุปของคนสองคนก็คือการเปลี่ยนชีวิตของกันและกัน เพราะหากมองดีๆแล้วหากวันนั้นลุงไม่อุ้มตัวเด็กมาแล้วเด็กไม่ได้กระตุกมโนธรรมในใจของลุง ลุงอาจเป็นนักเลงทวงหนี้ไปจนวันตายส่วนเด็กก็อาจมีชะตาชีวิตที่แย่ก็ได้ ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้มีอยู่ทั่วไปบนโลกที่มีบ้างบางคนที่โชคดีได้รับโอกาส แต่ก็มีอีกมากที่โชคไม่ดีและไม่ได้รับโอกาสทั้งชีวิต และเมื่อมีคนที่จิตใจดีและยอมไม่ได้ที่จะเห็นเด็กคนหนึ่งกำลังเดินเข้าหาความดำมืดแล้วยื่นมือมาช่วย ก็ย่อมต้องมีคนที่ฉกฉวยและพร้อมจะผลักใสให้เข้าสู่ความลึกของทางที่มืดมิดนั้น มันจึงเป็นเรื่องที่ไม่หลุดไปจากความจริงของโลก เมื่อฟ้าหลังฝนคือสัจธรรมความบูดเบี้ยวทางมโนธรรมก็คงเป็นสัจธรรมเดียวกัน
เพราะหนังได้บอกอะไรผู้ชมมากมายกับความบันเทิงที่สุขบนความเศร้า แต่มีคุณภาพที่มาคู่กับความบันเทิงที่อาจจะดูหนักแต่สุดท้ายดูจบก็รู้สึกดี และอาจมีบ้างที่เติมพลังชีวิตให้กับผู้ชมได้มันจึงกลายเป็นดราม่าที่หนักหน่วงที่สัมผัสได้ด้วยใจหนักอึ้งแต่ยังเห็นความสดใส เป็นงานหนังที่แม้จะเล่าเรื่องดราม่าที่หนักหนาแต่มองเห็นแสงสว่าง มองเห็นว่าแม้จะเจอความสาหัสเพียงใดในชีวิตก็ใช่ว่าชีวิตจะดำดิ่งลงไปถ่ายเดียว เผยให้เห็นความสวยงามของสิ่งที่เรียกว่าน้ำใจที่มีในมนุษย์ผ่านตัวละครอาจาชี่ที่อาจดูไม่ดีในเบื้องหน้าแต่ว่างดงามอยู่ข้างใน และเห็นจิตใจที่ใฝ่ดีของยัยของจำนำที่มอบบทเรียนชีวิตที่คมคายให้ผู้ชมได้ เพียงแต่ใช่ว่าทุกคนจะโชคดีได้เจอกับคนดีเช่นเดียวกับยัยของจำนำ
viu