The Devil Judge เป็นซีรีส์แนวดาร์กฮีโร่แฝงแนวคิดจิตวิทยาและความลึกลับ ที่หยิบเอากฎหมายและการเมืองมาตีแผ่ได้อย่างดุเดือด ผ่านประเทศเกาหลีที่กำลังฉายภาพสังคมซึ่ง
The Devil Judge เป็นซีรีส์แนวดาร์กฮีโร่แฝงแนวคิดจิตวิทยาและความลึกลับ ที่หยิบเอากฎหมายและการเมืองมาตีแผ่ได้อย่างดุเดือด ผ่านประเทศเกาหลีที่กำลังฉายภาพสังคมซึ่งก้าวเข้าสู่ยุคดิสโทเปียที่มีจุดเริ่มต้นจากการระบาดครั้งใหญ่ของไวรัส หลังจากสามารถเอาชนะการระบาดมาได้ แทนที่ประเทศจะกลับมายิ่งใหญอีกครั้ง แต่สภาพสังคมและเศรษฐกิจของประเทศกลับล้มครืนพังพินาศไม่เป็นท่า ช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนเพิ่มมากขึ้นจนเกิดสภาวะความเหลื่อมล้ำแบบสุดโต่ง จนประชาชนลุกฮือ ก่อจลาจลทั่วทุกมุมเมืองเพื่อเอาชีวิตรอด เกิดอาชญากรรมลักวิ่งชิงปล้นไม่เว้นวัน ส่งผลให้ประชาชนต้องอยู่กันแบบไร้ความปลอดภัยในชีวิต คนตกงานกันครึ่งประเทศไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้ บริษัทน้อยใหญ่ต่างทยอยกันล้มละลาย ประชาชนหมดศรัทธาในกฎหมายและรัฐบาล และกลายเป็นประเทศที่ก้าวขาเข้าสู่ความดำมืดอย่างเต็มรูปแบบ
แม้สภาพประเทศจะพังพินาศขนาดไหนแต่ยังไม่วายหลงเหลือกลุ่มผู้มีอำนาจที่วัน ๆ เอาแต่คิดถึงแต่ผลประโยชน์และเงินทองส่วนตัวเป็นหลัก เอื้อทุกอย่างให้กับพวกพ้อง และพร้อมจะกำจัดและสลัดประชาชนที่ถูกมองเป็นมดตัวเล็ก ๆ ได้ทุกเมื่อ นี่คือสภาพประเทศเกาหลีในจินตนาการที่แสนเลวร้ายที่เราจะได้เห็นในซีรีส์เรื่องนี้
เรื่องราวเริ่มต้นจากการพยายามแก้ไขกฎหมาย ปฏิรูประบบการพิจารณาความในกระบวนการยุติธรรม จนก่อให้เกิด Live Court Show การพิจารณาคดีที่ให้ประชาชนทั้งประเทศกลายเป็นลูกขุนและมีส่วนร่วมในการตัดสินคดีความขึ้นเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์โลก ประชาชนสามารถรับชมไลฟ์การพิจารณาไต่สวนคดีในศาลจำลอง และสามารถกดปุ่มโหวตแบบเรียลไทม์ผ่านแอปฯ ร่วมแสดงความคิดเห็นว่า หลังจากที่ฟังคำฟ้องร้องของโจทก์และการแก้ต่างของทนายจำเลยแล้ว สิ่งที่จำเลยทำนั้นถูกหรือผิด แล้วเขาควรจะถูกลงโทษอย่างไร?
การพิจารณาคดีของศาลแห่งนี้จะถูกตัดสินโดยผู้พิพากษาที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดร้ายและไร้ความปรานีที่สุด ผู้พิพากษาคังโยฮัน (รับบทโดย จีซอง) ผู้ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นความหวังใหม่ของประเทศที่ล่มสลาย แต่การกระทำของเขากลับคลุมเครือว่าแท้จริงเขาเป็น ฮีโร่ของประชาชน หรือเป็น ปีศาจตนใหม่ ที่จำแลงกายลงมากันแน่ ประกบด้วยผู้พิพากษาสมทบอีก 2 คนอย่าง คิมกาอน (รับบทโดย จินยอง GOT7) ผู้พิพากษาที่ถูกส่งเข้ามาจับตามองการกระทำของคังโยฮัน และ โอจินจู (รับบทโดย คิมแจคยอง) ผู้พิพากษาสาวจากต่างจังหวัดที่เข้าใจสภาพปัญหาทางสังคมที่เกิดขึ้น
ประเทศเกาหลีอันเลวร้ายในจินตนาการกับบทที่สะท้อนการเมืองและกฎหมายอย่างถึงพริกถึงขิง
ขอบอกก่อนเลยว่าซีรีส์เรื่องนี้ตัวบทมันเป็นเกาหลีในจินตนาการจริง ๆ เพราะแต่ละคดีนั้นเป็นคดีที่ต่อให้เราคิดอยากจะเห็นมาตลอด แต่ในชีวิตความเป็นจริง ความเป็นไปได้ที่คนพวกนี้จะถูกลากคอเข้าศาล รับโทษที่ตัวเองทำไว้คือต่ำเสียยิ่งกว่าต่ำ ไม่ว่าจะคดีนายทุนใหญ่ที่ทำธุรกิจบนความเป็นความตายของประชาชน จากการปล่อยสารเคมีและน้ำเสียลงน้ำที่ชาวบ้านใช้, คดีการกระทำผิดซ้ำซากสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นของลูกคนใหญ่คนโต ที่คิดว่าจะทำอะไรก็ได้เพราะมีพ่อแม่ใหญ่คับฟ้า, คดีการล่วงละเมิดทางเพศในวงการบันเทิง และอีกหลายคดีที่ไม่ใช่แค่ว้าวกับคดีนะ แต่การลงโทษในแต่ละคดีก็ว้าว และพีคจัดขึ้นทุกตอน ทั้งสั่งจำคุก 200 ปีเอย สั่งเฆี่ยนประจานต่อหน้าคนทั้งประเทศผ่านไลฟ์สดเอย การติดเครื่องตามตัวระบุตัวตนและแสดงให้เห็นเรียลไทม์ว่าอยู่ที่ไหนทำอะไรบ้างเอย คือแบบ คิดได้ไงก่อนนนนนน!
นอกจากการลุ้นว่าต่อไปโยฮันจะหยิบเอาคดีอะไรมาขึ้นศาล ปมหลักของเรื่องอย่างการฟาดฟันกันของโยฮันและเหล่าทีมมูลนิธิเพื่อสังคมที่นำทัพโดย จองซอนอา (รับบทโดย คิมมินจอง) ก็เดือดแบบไม่มีพักสักตอน ทั้งสองฝ่ายผลัดกันเผยไพ่ลับ ผลัดกันรุกคืบทำแต้มกันอย่างเอาเป็นเอาตายไม่มีใครยอมใครหรืออ่อนข้อให้ใคร ซึ่งการฟาดฟันกันหลังหักของ 2 ฝ่ายนี้นี่แหละ ที่จะพาเราไปเห็นว่า ‘ความยุติธรรม’ มันเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง และ ‘ระบบ’ คือสิ่งที่สามารถถูกชักใยและไร้ค่าได้อย่างสมบูรณ์ทันทีเมื่ออยู่ต่อหน้าอำนาจ เพราะฉะนั้น ‘กฎหมาย’ จึงไม่มีคำว่าศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป
ที่พูดไปข้างบนนั้นยังไม่รวมถึงการปล่อยข่าวฉาวของดารากลบข่าวคาวของรัฐบาล, ปลุกปั่นประชาชนด้วยวาทกรรมรักชาติเพื่อให้ประชาชนลุกฮือตีกันเอง, การซ่องสุมกำลังทำร้ายประชาชนและปล่อยเฟคนิวส์ป้ายสีฝ่ายตรงข้าม, การลงประชาสัมพันธ์สร้างภาพลักษณ์อันแสนดูดีให้ตัวเองเพื่อปกปิดเรื่องราวเน่าเฟะ, การพยายามปิดปากและควบคุมสื่อ, การตั้งโครงการเพื่อประชาชนด้วยการเปิดขอรับบริจาคแต่แท้จริงเงินกลับเข้ากระเป๋าตัวเอง และความเห็นแก่ตัวอีกล้านแปดของเหล่าผู้มีอำนาจที่ดูแล้วต้องร้องอุ๊ป! แบบพูดได้ไหมพี่จี้ สมกับตัวเรื่องที่เคลมว่าเป็นดิสโทเปียเกาหลีในโลกอนาคตจริง ๆ !
เมื่อประเทศเกิดวิกฤต แม้แต่ประชาธิปไตยก็ถือเป็นของหรูหรา
– ผู้พิพากษาคังโยฮัน
สอดแทรกความ Bromance เคมีที่เข้าขากันของเหล่านักแสดงนำ
ทุกคนต้องไม่คาดคิดแน่ว่าซีรีส์ดาร์กฮีโร่ที่หยิบเอากฎหมายและการเมืองมาตีแผ่ได้อย่างดุเดือด จะมีกลิ่นอาย Bromance แบบนี้ 555555555 บอกเลยว่าฟินถึงขั้นจิกหมอนเลยทีเดียว เคมีของเฮียจีซองและจินยองเป็นอะไรที่เกินต้านมาก แม้คุณจะไม่มองเป็นวายแต่ฟีลมันก็ชวนให้คุณคิดในใจแว่บนึงแหละว่า นี่สรุปสองคนนี้คู่กันใช่ไหม ยังไงไหนเล่า!? อีกทั้งไม่ใช่แค่เคมีของนักแสดงนำชายทั้งสอง แต่เคมีของจองซอนอากับตัวละครหญิงคนอื่น ๆ ก็สุดยอดมาก สิ่งนี้จึงทำให้มั่นใจเลยว่าคนเขียนบทและผู้กำกับตั้งใจทำงานกันอย่างเต็มที่ เพื่อให้เคมีระหว่างแต่ละตัวละครส่งถึงคนดูและถูกเล่าออกมาให้เข้ากันได้เป็นอย่างดี
ถ่ายทอดเรื่องราวด้วยฝีมือของนักเขียนบทที่เคยเป็นผู้พิพากษาในชีวิตจริง
ถ้าหากอ่านพล็อตว่าน่าดูแล้ว เมื่อได้มาดูซีรีส์ต้องบอกเลยว่าการดำเนินเรื่องราวรวมไปถึงแต่ละคดีนั้นถูกเล่าออกมาอย่างน่าสนใจมาก จึงลองสืบประวัติและได้พบว่า นักเขียนบทซีรีส์เรื่องนี้คือ นักเขียนบทมุนยูซอก ผู้เคยเขียนบทซีรีส์ Miss Hammurabi (JTBC,2018) ซึ่งเคยถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตในแต่ละวันของผู้พิพากษามาก่อน มาถึงเรื่องล่าสุด The Devil Judge เป็นผลงานที่นักเขียนมุนยูซอกเขียนหลังจากแขวนเสื้อผู้พิพากษา ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าผู้พิพากษาประจำศาลกลางกรุงโซลไปเมื่อต้นปี 2020 ที่ผ่านมา และกลายมาเป็นนักเขียนบทอย่างเต็มตัว ถ้าใครเคยดูผลงานก่อนหน้าของนักเขียน อาจจะเซอร์ไพรส์ในความ Twist โหมด กับซีรีส์ที่เล่าเรื่องออกมาได้ชนิดที่ mood & tone คนละขั้วเลยทีเดียว