กระแสของ ซอแยจี จากผลงานใหม่ล่าสุดในซีรีส์ It’s Okay to Not Be Okay กำลังเป็นกระแสอย่างมาก และทำให้หลายๆคนหันมาสนใจในนักแสดงสาวคนนี้มากขึ้น ในขณะที่บางคนก็เพิ่งได้รู้จักและสัมผัสความสามารถทางด้านการแสดงของเธอจากเรื่องนี้
แต่สำหรับสายซีรีส์เกาหลีที่ติดตามวงการกันสักพักแล้วคงคุ้นเคยกับเธอกันเป็นอย่างดี ซึ่งวันนี้เราอยากแนะนำให้กับทุกท่านได้ลองสัมผัสความสามารถทางการแสดงของ ซอเยจี ที่เรายกให้อยู่ในระดับยอดเยี่ยมจากผลงานในเรื่อง SAVE ME ที่ออกอากาศเมื่อปี 2017
เมื่อ Running Man เอาแบรนด์หรูมาเป็นรางวัลความฮาจึงเกิด! ตามไปดูได้ที่ Viu ลิงค์นี้
เรื่องย่อ – synopsis
ครอบครัวของซังมี (รับบทโดย ซอเยจี) ย้ายมาจากโซลเพื่อใช้ชีวิตที่ต่างจังหวัด แต่กลับโดนโกง จนถึงกับไม่มีที่ซุกหัวนอน พวกเขาได้รับความช่วยเหลือจากกลุ่มภราดรของโบสถ์แห่งหนึ่ง แม้ซังมีจะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจที่จะรับความช่วยเหลือจากคนกลุ่มนี้ เพราะพวกเขามีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจในสายตาของเธอ แต่เธอก็ไม่สามารถขัดพ่อแม่ของเธอได้
ซังมีมีพี่ชายฝาแฝด ด้วยความบกพร่องทางร่างกาย เขาโดนกลั่นแกล้งในโรงเรียน เรื่องราวรุนแรงจนเขาไม่สามารถทนไหว และตัดสินใจฆ่าตัวตาย หลังการสูญเสียครั้งใหญ่แม่ของเธอถึงขั้นเสียสติ และพ่อของเธอเลือกที่จะหันหน้าเข้าหาลัทธินั้นอย่างเต็มตัว เพราะเชื่อว่านี่คือลิขิตของพระเจ้า
เรื่องราวผ่านไป 3 ปี ซังมีทนอยู่ในลัทธิแม้เธอจะไม่เต็มใจ วันหนึ่ง เธอได้ดูคลิปที่เปิดโปงพฤติกรรมน่ารังเกียจของคนในกลุ่มภราดร เธอจะทำอย่างไร เพื่อช่วยเหลือพ่อแม่ และกระทั่งตัวเธอเอง จากความดำมืดนี้
รีวิว – review
ถือเป็นซีรีส์เหนือความคาดหวังอีกเรื่องหนึ่ง แม้จะหวังไว้บ้างในความเป็น ocn ที่มีสไตล์ชัดเจนที่ความดาร์ค ไม่ว่าจะเป็นเชิงภาพ หรือเนื้อหา ซึ่งจากภาพโปรโมทต่างๆ ก็ดูว่าจะต้องดาร์คแน่ๆ โดยเรื่องนี้เป็นผลงานดัดแปลงจากเว็บตูนเรื่อง 세상 밖으로 ที่เขียนไว้ตั้งแต่ปี 2012
ปกติแฟนๆสายดาร์คอาจจะเคยชินกับการดูซีรีส์ที่ประเด็นหลักคือการสืบสวน แต่เรื่องนี้ช่วงเปิดเรื่องจะค่อนข้างแตกต่าง คือไม่เน้นประเด็นสืบสวนมากนัก แต่จะมาเน้นการเก็บหลักฐาน/เปิดโปงอีกทีก็ช่วงท้ายๆเรื่องแล้ว โดยหลักจะเน้นไปที่อารมณ์ระทึกขวัญ (Thriller) มากกว่า นอกจากปมเรื่องผู้มีอำนาจและการใช้อำนาจในทางที่ผิด/หลีกเลี่ยงกฎหมายที่เจอกันบ่อยๆในซีรีส์เกาหลี เรื่องนี้ยังมีอีกประเด็นที่เพิ่มเติมและทำให้เรื่องแตกต่างคือเล่าเรื่องเกี่ยวกับลัทธิความเชื่อด้วย (ลัทธิในเรื่องจะมีลักษณะภายนอกคล้ายศาสนาคริสต์แต่เป็นกลุ่มความเชื่อที่แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น)
ในส่วนของการตีแผ่กลุ่มความเชื่อนี้ เป็นอะไรที่เหมาะกับบริบทวัฒนธรรรม “ไสยๆ” ของไทยมากๆ จนอยากจะแนะนำให้ได้ดูกันจริงๆ ในเรื่องเราจะได้เห็นธรรมชาติของความ “หลง” เชื่อโดยไร้สติยั้งคิดขาดปัญญาในการพิจารณาด้วยเหตุและผล งมงาย สุดโต่ง ได้เห็นความน่าขยะแขยงขององค์กรที่ทำดีบังหน้า แต่เบื้องหลังสกปรก และยังชวนให้เราติดตามด้วยว่า คนที่งมงายอย่างพ่อนางเอก และนางเอกที่ยังคงมีสติอยู่ แต่ละคนจะเอาตัวรอดจากลัทธินี้อย่างไร (หลายๆส่วนในเรื่อง ทำเอานึกถงเรื่องราวในประเทศ ราวกับคนเขียนบทมาทำการบ้านที่เมืองไทยเลยทีเดียว)
อารมณ์การนำเสนอ สร้างบรรยากาศของความขนลุก (หลอนๆ แต่ไม่มีผี) เป็นความรู้สึก กดดัน ขยะแขยง มืด หม่น อึน จิตหลอน ยิ่งดูยิ่งหดหู่ ดาร์ค หน่วง (ว่าไปก็รวมเอาแทบทุกความรู้สึกทางลบไว้เลยนะเนี่ย55) ส่วนตัวรู้สึกว่าเป็นความรู้สึกที่ค่อนข้างแปลกใหม่ที่ได้จากการดูซีรี่ส์ ยังไม่เคยเจออารมณ์ประมาณนี้มาก่อน *** ซีรีส์ค่อนข้างทำให้อารมณ์ดิ่งประมาณหนึ่ง อาจจะต้องพิจารณาสภาพจิตใจว่าพร้อมจะดูมั้ยก่อนตัดสินใจรับชมนะคะ
นักแสดงหลัก และนักแสดงสมทบทุกคนฝีมือดีมากๆ โดยเฉพาะรุ่นใหญ่เช่นพ่อนางเอก หัวหน้าลัทธิ หรือคุณคัง ซึ่งล้วนแต่เป็นนักแสดงมากฝีมือ ที่มารับบทให้เราเชื่อไปว่าพวกเขามีความเชื่อที่แรงกล้าจริงๆ โดยแสดงออกมาในแววตา ท่าทาง น้ำเสียง และเมื่อถึงบทที่สื่อถึงจุดของความงมงายก็ทำให้เรารู้สึกขยะแขยงและหดหู่ได้
การแสดงของเยจีในเรื่องนี้สุดยอดมากๆ สามารถรับส่งอารมณ์กับนักแสดงรุ่นใหญ่ทุกคนได้อย่างดี เป็นการแสดงที่มีพลัง ทั้งสีหน้า ท่าทาง สามารถเห็นความเหนื่อยล้า การพยายามต่อสู้ ฮึดสู้ เจ็บปวด ยอมแพ้ เศร้า ระเบิดอารมณ์ สงสัย ขยะแขยง
นอกจากนักแสดงรุ่นใหญ่ และนักแสดงนำหญิงอย่างเยจีที่ได้แสดงฝีมืออย่างสุดพลัง อีกหนึ่งนักแสดงที่ฉายแววความโด่งดังจากเรื่องนี้ก็คือ อูโดฮวาน ที่ปัจจุบัน เรารู้จักกันดีจากผลงานหลายเรื่อง รวมทั้งผลงานล่าสุดอย่าง The King ซึ่งตอนที่แสดงเรื่องนี้ ยังถือเป็นผลงานชิ้นแรกๆในวงการของโดฮวาน ซึ่งนอกจากจะแตะตาคนดู ยังแตะตาคณะกรรมการคัดเลือกของเวทีใหญ่ระดับประเทศอย่าง Baeksang Arts Awards ที่ให้เขาได้รับการเสนอชื่อ เข้าชิงรางวัล นักแสดงชายหน้าใหม่ยอดเยี่ยมในปี 2018 แม้จะไม่ได้รางวัล แต่ก็ถือว่าเป็นอีกบทบาทที่ได้เห็นความสามารถ (และความหล่อเท่) ของโดฮวาน
นอกจากข้อคิดดีๆที่จะได้จากเรื่องนี้ ที่อาจจะทำให้เราได้สติในการพิจารณาในการที่จะเชื่ออะไรต่างๆมากขึ้นแล้ว เรื่องยังสนุก มีแอคชั่น เรื่องราวมิตรภาพของเพื่อน การวางแผนต่างๆให้ต้องลุ้น บทดี และยังรวมเอานักแสดงฝีมือดีมาประชันฝีมือให้ชมกันด้วย เป็นอีกเรื่องที่อยากให้ได้ลองกันจริงๆ รับรองว่า เป็นการเปิดประสบการณ์อารมณ์ที่อาจไม่เคยพบเจอในซีรี่ส์เรื่องอื่นมาก่อน