Now, We Are Breaking Up เล่าเรื่องราวความรักของคนวัย 30+ ที่กำลังคร่ำเคร่งกับหน้าที่การงาน ชีวิตช่วงนี้มีทั้งสนุกสนานจริงจัง มีเป้าหมายที่ต้องการประสบความสำเร็จ

Now, We Are Breaking Up เล่าเรื่องราวความรักของคนวัย 30+ ที่กำลังคร่ำเคร่งกับหน้าที่การงาน ชีวิตช่วงนี้มีทั้งสนุกสนาน จริงจัง มีเป้าหมายที่ต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต จนทำให้บางครั้ง ความรักอาจไม่ใช่ตัวเลือกลำดับต้น ๆ ที่จะทุ่มเทให้กับมัน ‘ฮายองอึน’ (ซงฮเยคโย) สาวสวยหัวหน้าทีมออกแบบใน ‘The One’ บริษัทแฟชั่นชั้นนำ สาวเก่งแสนเย็นชาและตรงไปตรงมา ที่มองความรักเป็นเรื่องรองและพุ่งเป้าไปที่ความมั่นคงในชีวิตของตัวเองเป็นสำคัญ เธอมองความรักเป็นเหมือนกระแสของแฟชั่นที่มาแล้วก็ไป เปรียบเสมือนความรักที่เมื่อเริ่มต้นขึ้น ก็มักจะเคียงคู่มากับคำว่าเลิกรา

จนกระทั่งโลกใบนี้ได้เหวี่ยงให้เธอมาพบกับ ‘ยุนแจกุก’ (จางกียง) ช่างภาพหนุ่ม หล่อ เก่ง มากเสน่ห์ ชวนหลงไหล เป็นช่างภาพฝีมือดีที่วงการแฟชั่นต่างต้องการ เขาผู้ซึ่งไม่เคยศรัทธาในความรักและคิดว่าความรักโรแมนติกไม่เคยมีอยู่จริง กำลังตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยมีสัมพันธ์กับเขาเพียงข้ามคืน และมากกว่านั้นก็คือ เขาทั้งคู่กำลังตกหลุมรักกันและกัน

พล็อตซ้ำ ๆ ตามแบบฉบับเกาหลีแต่..ดีแฮะ

เราจะเห็นซีรีส์เกาหลีมากมายวางพล็อตไว้ให้พระ-นาง เคยพบกันมาก่อนแต่ไม่เคยรู้จักกันสักที ทำนองผู้หญิงเลี้ยวซ้าย ผู้ชายเลี้ยวขวา คลาดกันไปก็คลาดกันมา หรือแม้กระทั่งการวางพล็อตให้นางเอกเป็นคนสู้ชีวิต มีหนี้บุญคุณจนทำให้น้ำท่วมปากต้องไปดูตัวแทนเพื่อนคนรวย ที่เป็นคุณหนูเอาแต่ใจและทำงานไม่เอาไหน แล้วหนุ่มนัดบอดคนนั้นก็กลับเป็นพระเอกลูกเศรษฐีสุดหล่อ ที่ออกจากบ้านมาเพราะขัดแย้งกับครอบครัวบ้าง มาตามหาความหมายของชีวิตบ้าง แถมยังเคยเจอกันมาครั้งหนึ่งแล้วแต่ไม่รู้จักชื่อ มีเยอะเลยค่ะพล็อตแบบนี้ในซีรีส์เกาหลี

แต่ความแตกต่างของซีรีส์เรื่องนี้ก็คือการเริ่มต้นที่วาบหวิว และการดำเนินเรื่องที่ทำให้พล็อตจำเจ น่าสนใจและน่าติดตามขึ้นมาได้ ความน่าสนใจในส่วนนี้แน่นอนว่ามีผลมาจากบทของ ซงฮเยคโย ที่ทำเอาหายคิดถึงกันไปเลยหลังจากทิ้งความทรงจำไว้ให้กับแฟน ๆ ใน Encounter หัวใจพบรัก ในปี 2018 แล้วก็ห่างหายจากซีรีส์ไป 3 ปี แม่ก็ไปสต๊าฟหน้าไว้ สวยยังไงก็ยังสวยอยู่อย่างนั้นแถมยังพกความแซ่บมาเต็มกระเป๋า เพราะฉากแรกแม่ก็งาบหนุ่มไปเคี้ยวกรุบกรอบท่ามกลางงานเฉลิมฉลองกันเลยทีเดียว

แทบจะพูดว่านี่คือซีรีส์เกาหลีเรื่องแรกที่ ซงฮเยคโย เล่นเลิฟซีนเยอะที่สุดก็ว่าได้ เฉพาะ 4 ตอนแรกที่ออกอากาศก็จูบดูดดื่มกันไปสามฉากสี่ฉากแล้วละค่ะ โดยเฉพาะฉากแรกที่ทั้งจูบ ถอด กอด กลิ้งกันนัวเนีย แต่…มุมกล้องที่ออกมาสู่สายตาผู้ชมนั้น สะอาดสะอ้าน สื่อความหมายและรุ่มรวยอารมณ์ปราถนา เรื่องนี้นางเอกของเราเธอไม่เชื่อในความรักที่มั่นคง เพราะมีอดีตที่เจ็บแล้วจำ นางก็เลยคิดว่าไม่ละ ฉันจะไม่รักใครอีกแล้ว ฉันจะเลิกทุ่มเทให้กับมันแต่ฉันจะใช้ชีวิตไปแบบไม่ยี่หระ และมองเซ็กส์เป็นเรื่องธรรมชาติ

เธอก็เลยฉลองชัยในชีวิตด้วยการแซ่บแบบ One Night Stand กับหนุ่มหล่อที่บังเอิญเจอกัน แต่ขอโทษค่ะ ความสวยและเสน่ห์เหลือหลายของเธอทำให้เจ้าหนุ่มคนนั้นติดใจจ้ะ อยากสานต่อ อยากรู้จักชื่อ แต่ดีไซเนอร์ผู้ไม่สนโลกอย่างเธอกลับบอกว่า ไม่จำเป็นหรอกเพราะเราคงไม่มีวันเจอกันอีก เชิดใส่ผู้จ้าาา เดินฉับ ๆ ออกไปแบบนางเสาหิน นิ่งกว่านี้มีอีกไหม? แต่ในเมื่อสองคนเกิดมาเป็นนางเอกและพระเอก การจะไม่เจอกันอีกมันเป็นไปบ่ได้ ก็เข้ามาสู่พล็อตซ้ำ ๆ ที่ว่านี่แหละ

ฮายองอึนต้องไปนัดบอดแทน ‘ฮวังชีซุก’ (ชเวฮีซอ) ลูกสาวเจ้านายที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก บุญคุณที่พ่อเขาอุตส่าห์ส่งไปเรียนแฟชั่นที่เมืองนอกอ่ะเนอะ มันก็ปฏิเสธไม่ได้ แต่หนุ่มคนนั้นดันเป็นชายในคืน One Night Stand เนี่ยสิ แล้วก็มีเรื่องให้พระเอกรู้ว่าเธอมาสวมรอยนัดบอดแทนเพื่อน นอกจากไม่โกรธแล้วยังประทับใจมากเข้าไปอีก หนำซ้ำเมื่อรู้จักกันมากขึ้นกลับกลายเป็นว่า ทั้งพระเอกและนางเอกเกือบจะได้เจอกันมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่คลาดกันไปทุกที คุ้น ๆ ไหมล่ะสาวกเกาหลี เรื่องราวทำนองนี้มีให้เห็นในเรื่องอื่น ๆ อยู่นะ เพียงแต่เครื่องเคียงต่าง ๆ รสชาติไม่เหมือนกันเท่านั้นเอง เพราะถึงพล็อตจะซ้ำแต่ก็น่าติดตามและอร่อยไปอีกแบบ

กินเด็กแล้วเป็นอมตะกันทุกคน

เทรนด์กินเด็กมาแรงจริง ๆ ค่ะช่วงนี้ เพราะแทบจะบอกได้ว่าถ้าเรื่องนี้ไม่มีนางเอกชื่อ ซงฮเยคโย มาประกบคู่กับ จางกียง ความน่าสนใจในซีรีส์เรื่องนี้แทบจะดร็อปไปเลยก็ว่าได้ เพราะอย่างที่บอกแล้วว่าพล็อตแบบนี้มีเยอะมาก ถ้าแม่เหล็กไม่แรงพอเสียงกรี๊ดไม่มาเลยนะ บวกกับการดำเนินเรื่องที่ใส่ความแรงมาตั้งแต่เริ่ม ด้วยมาดสาวมั่นที่คว้ากระดูกอ่อนไปเคี้ยวกร้วม แต่เคียวเล่น ๆ ไปงั้นน่ะ ในเรื่องนี้บทน่าจะให้นางเอกแก่กว่าไม่กี่ปี หรือเป็นรุ่นเดียวกันเลยด้วยซ้ำ แต่ชีวิตจริงนั้น ซงฮเยคโย แก่กว่าจางกียง 11 ปีค่ะคุณ กาลเวลาทำอะไรนางเอกคนนี้ไม่ได้เลย ประกบคู่กันปุ๊บ เคมีวิ่งเข้าหากับปั๊บ เข้ากันดีเชียว

การดำเนินเรื่องที่เป็นเมโลดราม่า ก็สามารถเรียกให้คนดูติดตามต่อแบบอยากดูต่อซะด้วยสิ เพราะต่อมเผือกต่าง ๆ มันจุดติดไปซะแล้ว เขาสองคนจะรักกันแบบไหน ความหมายของคำว่าเลิกราที่ดันแปลว่ารักมันเป็นยังไงนะ ในความรื่นรมย์มีความขมขื่นซ่อนอยู่แน่ ๆ กลิ่นน้ำเน่าหึ่ง ๆ จะถูกกรองจนหายเน่าได้แบบไหน นี่ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่น่าติดตาม ซึ่งเรื่องนี้เราไม่ต้องผิดหวังกับการแสดงของ ซงฮเยคโย แม่เอาอยู่ทุกบทบาทและดูเหมือนว่าบทนี้จะเข้ามือแบบง่าย ๆ กินไปลื่น ๆ สำหรับนักแสดงแถวหน้าอย่างแม่ซะด้วยสิ

ส่วนนักแสดงรุ่นน้องอย่าง ชางกียง ก็เป็นธรรมดาค่ะที่เมื่อได้เล่นกับรุ่นพี่ที่ฝีมือระดับนี้ ก็ส่งให้ชางกียงกลายเป็นพระเอกเคมีสาธารณะไปโดยปริยาย ที่มาในลุคหล่อ เท่ จนสาว ๆ ละสายตาจากเขาไม่ได้เลย ซึ่งบทและแอ็กติงในเรื่องก็ส่งให้มองออกมาได้แบบนั้นจริง ๆ อย่างไม่ค้านสายตา เรียกได้ว่าแฟนคลับได้กำไรไปเต็ม ๆ

ภาพรวม 4ep ที่น่าติดตามตอนต่อไป

ถือว่าสมศักดิ์ศรีซีรีส์แฟชั่น กับเสื้อผ้าหน้าผมและลุคที่ปั้นออกมาให้นางเอกเป็นสาวมั่นที่ต้องการเติบโตในวงการ บวกกับดราม่าปมชีวิตที่ต้องตกเป็นทาสองค์กร โดยไม่สามารถอวดชื่อเสียงของตัวเองได้ คือทำดีแต่ไม่มีเครดิต รู้กันในวงการเท่านั้นว่าเธอคือเบอร์ 1 สร้างความรู้สึกร่วมให้กับคนดูได้ง่าย ๆ เลยว่า การเป็นดีไซน์เนอร์ที่ไม่มีเครดิตแต่ก็ภูมิใจในทุกผลงานที่ตั้งใจสร้างมันทั้งเก็บกดและภูมิใจในตัวเองไปในคราวเดียวกัน เราจะได้เห็นเบื้องหลังของวงการแฟชั่นที่ฉากหลังนั้นแสนวุ่นวาย เพื่อส่งความสวยความงามออกมาสู่ฉากหน้าอย่างราบรื่น

มุมคอมเมดี้เล็ก ๆ ที่สอดแทรกดูเหมือนจะเป็นส่วนผสมลงไปในทุก ๆ เรื่องของซีรีส์เกาหลี แต่ก็กลมกลืนและเป็นเนื้อเดียวกันไม่ขัดตา มุมดราม่าน้ำตารื้นและอารมณ์ร่วมที่ทำให้คนดูอินไปกับชีวิตของนางเอก และลุ้นให้วันหนึ่งเธอจะเป็นที่รู้จักสู่สายตาชาวโลกทำออกมาได้แนบเนียน เรียกได้ว่าสมูทไปกับธีมของเรื่อง ที่ในคราวแรกเกือบจะเผลอคิดไปว่านางเอกเป็นสาว One Night Stand ที่ไม่ยี่หระอะไรประมาณนั้น แต่เนื้อหาที่ตามมาเป็นระรอกกลับแตกต่างและน่าสนใจมากกว่า