ชั่งใจอยู่นานมาก ว่าจะเขียนเรื่องนี้ดีไหม เพราะตอนเราดูไม่รู้อะไรดลใจให้เปิดดูเลย โดยไม่ได้อ่านเรื่องย่อเลยค่ะ รู้แค่ว่าเป็นแนวสืบสวนสอบสวน ทริลเลอร์ เดินเรื่องเร็ว แค่นั้น เลยกดดูเลย ไม่ได้หาข้อมูลเพิ่มเติม และมันทำพีค… พีคกับเรื่องนี้แบบฉุดไม่อยู่ พออยากจะเล่าความประทับใจ เราเลยรู้สึกว่าจะเป็นการทำลายอรรถรสในการรับชมรึเปล่า หรือคนอื่นเขาจะหาข้อมูลก่อนไหมนะ ดังนั้นในบทความนี้

• ข้อมูล
• Train (2020)
• ชื่อไทย ​：ขบวนพิศวงล่าพลิกโลก
• ชื่อเกาหลี ：트레인
• แนว : สืบสวน ระทึกขวัญ ไซไฟ
• จำนวน ：12 ตอน / ตอนละประมาณ 60 นาที
• ผู้กำกับ : รยูซึงจิน
• คนเขียนบท : พัคกายอน
• นักแสดง ：ยุนซียุน คยองซูจิน ซินโซยูล ลีฮัน-นา
• ช่องทางรับชม ：OCN / IQiyi / VIU

• เล่าแบบย่อ

เรื่องเริ่มขึ้นเมื่อมีการพบศพปริศนาถูกยัดในกระเป๋าเดินทาง ที่บริเวณสถานีรถไฟร้างแห่งหนึ่ง ตามคำบอกเล่าของผู้เห็นเหตุการณ์ที่มีปัญหาทางสมอง เขาเล่าว่าในคืนที่ฝนตก จะมีรถไฟวิ่งเข้ามาที่ชานชาลาแห่งนี้…
ซอโดวอน (ยุนชียุน) ตำรวจหนุ่มเลือดร้อน กับ ฮันซอกยอง (คยองซูจิน) อัยการสาวตงฉิน ผู้รับผิดชอบคดีนี้ ซึ่งทั้งสองเติบโตมาด้วยกันเพราะเหตุการณ์บางอย่างในอดีต ซอกยองหลงรักโดวอนตั้งแต่สมัยเรียน ทันทีที่เธอสารภาพรักโดวอนกลับหนีหายไป เพราะรู้ตัวดีว่าไม่คู่ควร…

ถ้าให้ขายคร่าวๆ เป็น 12 ตอนที่เดินเรื่องเร็วสุด ไม่เสียเวลาปูให้นาน ชกเลยจังๆ ให้เรารู้ไปพร้อมกับตัวเอกของเรื่อง หลอกเก่งมาก ไว้ใจใครไม่ได้ พีคแล้วพีคอีก คิดว่ามันพีคแล้วยังพีคได้อีก เป็นเรื่องที่เราเดาทางคนร้ายไม่ถูกเลยสักนิด ยอมใจเลยค่ะ ปกติจะเดาออกตั้งแต่ช่วงกลางๆ แต่เรื่องนี้เราเดาเรื่องไม่ได้เลย พล็อตแน่นช่องโหว่น้อยมาก

ใครอยากได้สืบสวนสอบสวนที่สนุกมาก เดาทางไม่ได้ มีเลือดมีศพ ถ้าดูจบแล้วยังอินมาอ่านต่อได้ยังไม่สาย เพราะเรื่องย่อและช่วง ดูแล้วเล่าว่า อาจจะต้องเล่าถึงที่มาบางอย่าง อาจจะเป็นสปอยเรื่องประมาณ 15-20%

• ใครเป็นใครในเรื่อง

ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้จะหลบไม่พ้นแล้วนะคะ ในเรื่องจะมีโลกคู่ขนานค่ะ จะเรียกว่า โลก A และ โลก B  ซึ่งทุกตัวละครจะเป็นคนเดิม ชื่อเดิม แต่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์บางอย่างทำให้เติบโตมาในอีกรูปแบบหนึ่ง

ซอโดวอน รับบทโดย ยุนชียุน

• โลก A : ตำรวจยศน้อยที่ไต่เต้า จนได้รับตำแหน่งหัวหน้าทีมกอาชญากรรม เลือดร้อน มุทะลุ เติบโตและคอยดูแลฮันซอกยองตั้งแต่สมัยเรียน
• โลก B : สารวัตรซอ นายตำรวจยศใหญ่ ชอบอำนาจ มีทะเยอทะยานสูง เลือกทางไม่ดี เกลียดครอบครัวตัวเอง

ฮันซอกยอง รับบทโดย คยองซูจิน

• โลก A : อัยการสาว ซื่อตรงกับงานและความรัก มีเหตุให้โตมากับโดวอนและหลงรักเขาตั้งแต่สมัยเรียน
• โลก B : ตำรวจสายสืบ เย็นชา ไร้ความรู้สึก เกลียดคนทุจริตและอาชญากร ที่ทำให้พ่อเธอตาย

อีจองมิน รับบทโดย ชินโซยูล

• โลก A : ทีมนิติเวช เพื่อนสนิทของโดวอนตั้งแต่สมัยเรียน คอยช่วยเหลือและแอบชอบโดวอนมาตลอด
• โลก B : ทีมนิติเวช เพื่อนสมัยเรียนและเป็นอดีตคนรักของโดวอน แต่ยังคงความเชื่อใจ

โอมีซุก รับบทโดย ลีฮัน-นา

• โลก A : หัวหน้าแผนกอาชญากรรม ปัจจุบันเป็นหัวหน้าของโดวอน ดูแลโดวอนและซอกยองมาตั้งแต่มัธยม
• โลก B : หัวหน้าแผนกอาชญากรรม เป็นหัวหน้าของโดวอน มีทะเยอทะยานสูง ใช้ความสามารถรอบด้านจนขึ้นตำแหน่งใหญ่

• ดูแล้วเล่าว่า

ธีมหลักของเรื่องนี้คงจะเป็น “ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ แล้วเลือกอีกแบบหนึ่ง จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?” ความเป็นมินิติคู่ขนาน ทั้งสองมิติเชื่อมกันด้วยรถไฟ ความเจ๋งคือใช้การฆาตกรรมต่อเนื่องเป็นตัวเดินเรื่อง มีคอนฟลิคท์เป็นเรื่อดราม่าในชีวิตของพระเอก นางเอก และใช้เลิฟไลน์ตรงนี้เป็นแรงผลัก สำหรับคอหนังทริคเลอร์เป็นอะไรที่แปลกใหม่มาก ซ้ำหลอกเก่ง หลอกแล้วหลอกอีก หลอกสามล้านตลบ จริงๆ นะ แรกๆ เชื่อไปแล้วด้วย พอหลังจากสามอีพีแรก ก็ไม่เชื่ออะไรที่หนังเรื่องนี้บอกทั้งทางตรงหรือทางอ้อมอีกเลย

ซีรีส์หยิบเอา ทฤษฎี Butterfly Effect มาเล่นอย่างสนุก มีเหตุผล ทำให้มีความรู้สมจริงกับทุกตัวละคร เราหาจุดโฮลของเรื่องแทบจะไม่ได้เลย ซีรีส์หลายๆ เรื่องพ่วงท้ายมาว่าไซไฟ มักจะละเลยความสำคัญในส่วนของเหตุผลและที่มาของตัวละครบ้างตัว แต่เรื่องนี้บอกเลยว่าไม่เลยค่ะ แม้แต่ตัวประกอบเล็กๆ เขากลับมีบทบาทในอีกโลกมากจนเราแทบไม่คาดคิด

การดำเนินเรื่อง เร็ว แรง กระชาก ทุกบทพูดที่ใส่มาคือเงื่อนงำชั้นดี ไม่ว่าจะเป็นปมของพระเอก นางเอก หรือฆาตกร อย่างที่บอกว่าเรื่องนี้ถูกผลักดันด้วยเลิฟไลน์เป็นหลัก แต่.. อย่ามองเลิฟไลน์เรื่องนี้เป็นความรักแบบทั่วไปนะ มันไม่ใช่เลย จะเรียกว่าเลิฟไลน์ก็ยังแปลกๆ เรียกว่าเป็นโอกาสครั้งที่สองของพระเอกดีกว่า แนวพระเอกแสนดี แค่ได้รักอีกครั้ง ก็พอใจแล้ว

ชอบสุดก็ ​​​เรื่องค่อยๆ เผยข้อมูลทีละโลกอย่างมีชั้นเชิง พอเป็นโลกคู่ขนาดที่ต่างกัน ตัวละครเดียวกันแต่ต่างกันสุดขั้วในอีกโลก จะยิ่งไม่ไว้ใจใครเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเลยค่ะ โดยเฉพาะโดวอนเนี่ย ใจหายใจคว่ำกันไม่รู้กี่รอบ ทำกับพระเอกแบบนี้ก็ได้ด้วย ไม่เคยเจอมาก่อนจริงๆ

ปมที่แก้ไม่ออกกับความรัก ความพันธ์ ยิ่งกว่า toxic relationship ของทั้งสองโลก เล่าไปก็สงสารพระเอกค่ะ ในโลกแรก เธอรักเขา แต่เขารักไม่ได้ ทำได้แค่ดูแลชดใช้ความผิดที่ไม่ได้ก่อ แถมสุดท้ายมารู้ว่าเป็นแพะรับบาปจากคนที่ไว้ใจมากที่สุด พอโลกสอง รู้ตัวว่ารักแล้ว แต่ไม่ได้ดูแลในเวลาที่ยากลำบาก เธอเลยไม่ได้มีความผูกพันกับเขาเลย เรียกว่าไม่ได้รู้จักกันเลยดีกว่าค่ะ ด้วยโทนเรื่องมันดาร์กเกินกว่าที่จะยัดฉากหวานๆ อะไรพวกนี้มาด้วย ซึ่งก็ดีแล้วค่ะ ไม่งั้นคงขัดมาก อาจจะมีแค่เรียกว่าบทจีบ(?) ด้วยความจริงใจอยู่ฝ่ายเดียวมากกว่า

ตัวละครที่อยากพูดถึง

ซอโดวอน พระเอกที่หนึ่งในใจ ฉลาด เก่ง ในโลกแรกจะดูเป็น Loser หน่อย เพราะเหตุการณ์เกี่ยวกับพ่อ ไม่ได้ถูกเปิดเผย ทำได้แต่เก็บงำกดดันตัวเองอยู่ตลอดเวลา แต่พอเขามาอีกโลก ความฉลาด ไหวพริบของเขาก็ออกมาชัดเจนค่ะ โดยเฉพาะตอนที่เอาตัวรอดจากความผิดที่ตัวเขาอีกในอีกโลกก่อไว้ ในโลกแรกความรักของเขาคือการรับผิดชอบต่อความผิดบาปของผู้ที่ได้ชื่อว่า “พ่อ” โลกที่สองเขาไม่ได้สัมผัสความรักส่วนนั้น ถึงแม้จะเลือกทางที่ผิดไปบ้าง แต่เนื้อแท้ก็ยังคงเป็นซอโดวอนคนเดียวกัน

ในขณะเดียวกัน ฮันซอกยอง ก็โหยหาพ่อ โดยเฉพาะ โลกที่สองที่โดวอนไม่ได้เลือกที่จะอยู่ข้างๆ เธอต้องต่อสู้มาคนเดียวกับแม่เลี้ยงที่เห็นเธอเป็นเครื่องมือ เหยื่อของการถูกลวนลามทางเพศจากคนในครอบครัวเดียวกัน เป็นเหตุให้เกลียดอาชญากร โดยเฉพาะที่อยู่ในคราบตำรวจ แถมคนนั้นยังเป็นลูกชายคนที่ฆ่าพ่อตนเองด้วย

โอมีซุก VPN อีกคนของเรื่องที่ไม่พูดถึงไม่ได้ เรียกได้ว่าเป็นกุญแจสำคัญของทั้งโลก 1 และ 2 ตัวละครนี้เธอมีจิตวิญญาณของแม่อย่างเต็มเปี่ยม ซึ่งตรงจุดนี้มีแสดงออกกับโดวอนด้วยเช่นกัน แต่ความรักมากเกินไป และไม่สนผิดถูก เป็นผลก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมหลายๆ ตามมา จนหยุดยั้งไม่ได้

• เหล่านักแสดงและงานเบื้องหลัง

ไม่รู้จะตบมือให้กับทีมนักแสดงยังไงดี เก่งมากๆ เพราะทุกคน ทุกตัวละคร ย้ำกว่าทุกตัวละคร มีตัวตนทั้งสองโลกค่ะ แค่เกิดความบิดเบียดเล็กน้อย คนที่ตายชีวิต คนมีชีวิตกลับตาย หมายถึงเราได้เห็นบางตัวละครไม่มีในโลกหนึ่ง และบางตัวละคร ไม่ตายในโลกสอง นักแสดงทุกคนถ่ายทอดออกมาได้ดีจนขนลุกเลยค่ะ

ยุนชียุน เคยดูผลงานเมื่อนานมาแล้ว ส่วนมากจะเป็นแนวคอมเมดี้ เฮฮา ไม่ค่อยเจอแนวทริลเลอร์ แถมต้องเล่นเป็นตัวละครเดียวกันสองเวอร์ชัน เล่นดีจนต้องดูซ้ำ ต้องหยุดภาพแล้ว เทียบภาพกันชัดๆ ว่าคนเดียวกันจริงไหม สีหน้า ท่าทาง แววตา นอกจากช่ือก็แทบไม่เช่ือว่าจะเป็นคนเดียวกันค่ะ โดยเฉพาะซีนที่ทั้งสองโลกมาเจอกัน ดูแล้วดูอีก เขาแสดงเก่งจริงๆ เราขอยกให้เป็นผลงาน masterpiece ของเขาเลย

คยองซูจิน ยังติดภาพสวยเฉียบกับสาวเฉิ่มใน Meloholic อยู่เลยค่ะ พอมาเจอเรื่องนี้ก็แบบ เอ๊ะ จะคล้ายกันไหมนะ ผลคือไม่มีเค้าเดิมเลย ด้วยโทนหนังมันเครียดว่าเยอะ ถึงแม้ในโลกแรกจะเบากว่า พอมาโลกที่สองแสดงได้เฉียบ เก็บรายละเอียดได้ดีเลยค่ะ ถ้าแนะนำ ก็คงเป็น Mouse กับ Meloholic สองเรื่องนี้ค่ะ หนักๆ กับเบาไปเลย

นอกเหนือจากนักแสดงหลักสองคนข้างบนแล้ว ยังมี ลีฮัน-นา(โอมีซุก)  ย็อบชา(อีซองอุก) ชินโซยูล(อีจองมิน) ที่แสดงได้ดีมากจนต้องชื่นชมในฝีมือการแสดงเลยค่ะ

ผกก.เรื่องนี้ คุณรยูซึงจิน เหมือนกำลังสนุกกับการหลอกคนดู 555555 การเล่า การลำดับภาพคือการปั่นหัวคนเล่นทั้งนั้น ทุกคนที่เป็นผู้ต้องสงสัยที่มีจุดเชื่อมกัน ไม่ใช่แค่หลักฐานที่เรื่องเล่าออกมานะ แต่เป็นมุมกล้อง ฮิคต่างๆ ที่ซ่อนเข้ามาอย่างแนบเนียน อะไรที่คิดว่าไม่สำคัญ มันดันเป็นกุญแจของเรื่องได้เยอะ ทำเอาคนที่ดูแล้วคิดตามเป็นบ้าได้ง่ายๆ เลยค่ะ

พูดถึงโปรดักชันโดยรวมดีมากโดยเฉพาะ cinematic และ แสง ผู้กำกับภาพละเอียดตลอด ด้วยเรื่องนี้มากกว่าครึ่งเรื่องเป็นซีนมืด ตัดภาพไปมาระหว่างสองโลกอีก ทำได้ดีเพราะใช้โทนสีแยกทั้งสองโลกออกจากกัน + กับฝีมือนักแสดง จริงๆ ไม่ต้องมีอะไรบอก เราก็แยกได้ทันทีเลยค่ะว่าโลกไหนเป็นโลกไหน

สรุป  (อีกรอบ) คะแนน 9/10

หนึ่งคะแนนที่หายไป แอบหักกับตอนจบ คือมันก็ไม่ได้ bad end นะ แต่ก็ปลายเปิดไปหน่อย ท้ายๆเรื่องอาจจะขมวดปมเร็วไปนิด แต่ 11 ตอนที่ผ่านมาก็รู้แล้วแหละว่าเรื่องนี้สมควรดู เพราะฉะนั้น ณ ตอนนี้ แนะนำหนักๆคนที่ชอบสืบสวน ดูแล้วคิดตาม หักมุม ลุ้นตัวโก่งทั้งเรื่อง และมีเลิฟไลน์เป็นตัวอธิบายทุกอย่างค่ะ แค่เป็นเหตุผลนะ อย่าคิดว่าจะหาฉากหวานๆในเรื่องนี้ โทนเรื่องมันมืดมนเกินกว่าจะยัดอะไรแบบนี้ลงมาตรงๆ

ยังไงก็ฝากรถไฟผีเที่ยวนี้ด้วยนะคะ เป็นไซไฟพล็อตแน่น ครบเครื่อง เนื้อดีของปีนั้นจริงๆ ใครว่างก็เปิดดูได้ง่ายๆเลยค่ะ มีลงทั้ง IQiyi และ VIU ควรค่าแก่การดู