สึกุมิ คาวานะ สาวนักออกแบบภายใน ที่แอบได้ยินเพื่อนร่วมออฟฟิศคุยถึงปาร์ตี้ในคืนนี้ ซึ่งเธอได้ยินชื่อใครคนหนึ่งที่คุ้นเคยและไม่ได้พบกันมานาน นั่นก็คือรุ่นพี่ อิทสึกิ อายูคาวะ รักแรกของเธอสมัยเรียนมัธยมปลาย ผู้ชายที่ทำให้เธอจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวทุกครั้งที่ได้พบ แต่ในตอนนั้น คาวานะ ที่ไม่กล้าบอกความรู้สึกออกไป จึงได้แต่ยืนซดน้ำแห้วตามลำพัง
เธอตัดสินใจตามขบวนเพื่อน ๆ มาปาร์ตี้ในครั้งนี้ด้วย แต่ที่ คาวานะ ไม่ได้เตรียมใจมาเห็นก็คือ ภาพของรุ่นพี่อายูคาวะ ต้องนั่งวิลแชร์ เธอตกใจและสับสนกับภาพที่ได้เห็นตรงหน้าจนทำอะไรไม่ถูก หลังจากนั้นไม่นาน คาวานะ ก็ได้มีโอกาสพบกับรุ่นพี่อายูคาวะ อีกครั้ง เมื่อเขาทำงานเป็นสถาปนิก ส่วนเธอทำงานออกแบบภายในให้กับผู้ว่าจ้างคนเดียวกัน
แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน และแม้สภาพของรุ่นพี่ อายูคาวะ จะเป็นเช่นไร ความรู้สึกในใจของ คาวานะ มันก็ยังเอ่อล้นออกมา จนไม่สามารถเก็บความรู้สึกเอาไว้ได้อีกแล้ว เพียงแต่สภาพตอนนี้ของ อายูคาวะ ทำให้เขาตัดสินใจที่จะไม่เปิดใจให้กับใคร เพราะเขาคิดว่าตัวเองจะกลายเป็นตัวถ่วงและทำให้ชีวิตของผู้หญิงคนรักไม่มีความสุข
อย่างแรกเลยก็คืออีกฝ่ายจะรับได้ไหม กับร่างกายที่ไม่สมบูรณ์แข็งแรงอย่างคนทั่วไป อย่างรุ่นพี่อายูคาวะ เองการจะไปไหนมาไหน ก็ยังพบความไม่สะดวกสบาย หากจะไปทานข้าวด้วยกันร้านไหนที่ไม่มีทางลาดชัน ก็จำเป็นต้องใช้กำลังคนช่วยยกช่วยพยุง ไหนจะสายตาและคำพูดของผู้คนในสังคม ที่มองมาหรือแอบซุบซิบนินทาด้วยความไม่เข้าใจ หากผ่านข้อแรกนี้ไปได้ ด่านต่อไปเมื่อใช้ชีวิตร่วมกันมากขึ้น
แน่นอนว่าอีกฝ่ายยอมต้องรับบทหนักในการดูแลคนที่ร่างกายไม่พร้อม ความเหนื่อยความท้อจะมีไหม เพราะมันไม่ใช่แค่ทำให้กันแค่วันสองวัน แต่มันหมายถึงตลอดชีวิตหากตัดสินใจที่จะอยู่ร่วมกัน หากผู้หญิงเป็นฝ่ายที่ร่างกายไม่พร้อม ข้อจำกัดบางเรื่องอาจจะดูเล็กน้อย แต่หากเป็นผู้ชายเหมือนกรณีของ อายูคาวะ ล่ะ เมื่อเขาไม่สามารถดูแลปกป้องคนรักได้ มันก็ย่อมเกิดความรู้สึกผิดน้อยเนื้อต่ำใจ ที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากการมองดู
ทั้งยังเรื่องของครอบครัวที่ใครก็คงหวังให้ ลูกหลานตัวเองได้อยู่กับคนที่สามารถดูแลเขาได้ แต่หากไม่เป็นเช่นนั้น จะต้องทำอย่างไรเพื่อให้ครอบครัวเข้าใจและยอมรับในความรักของคนสองคน
คำว่า “Perfect World” จากชื่อหนังและมังงะ คงบอกได้ว่า ไม่ใช่สถานที่แต่เป็นผู้คน ฮ่าฮ่า อันนี้ไม่ได้หยิบหนังอย่าง ธอร์ มาแซว แม้จะยืมคำนี้มาก็เถอะ เพราะการที่จะทำให้โลกความเป็นจริงสมบูรณ์แบบนั้นคงเป็นไปไม่ได้ แค่หากเปรียบชีวิตของคนเป็นเหมือนกับโลกใบหนึ่ง ลำพังคนเพียงคนเดียวก็คงเปรียบเสมือนโลกเพียงครึ่งใบ ที่ต้องหาใครอีกคนมาเติมอีกครึ่ง เพื่อให้โลกใบนี้กลายเป็น “Perfect World” ที่สมบูรณ์แบบ