Series Full Review : Hospital Playlist : เพลย์ลิสต์ชุดกาวน์
ละมุนอบอุ่นใจในมุมต่างของซีรีส์การแพทย์ ในความสวยงามของโลก ความงดงามของอาชีพ เชิดชู และมีความเป็นมนุษย์กว่าที่เคย
NETFLIX : Season 1 12 Episodes (2020)
เชื่อเหลือเกินว่าคนชอบดูหนังดูซีรีส์จะต้องมีบ้างที่มักจะมองข้ามหนังหรือซีรีส์บางเรื่องไปด้วยเหตุผลของใครก็ของมันและดูไปบ่นไปก็ไม่ต่างกัน เมื่อบางครั้งเลื่อนผ่านหรือมองข้ามงานหนังหรือซีรีส์บางเรื่องไปด้วยเหตุผลส่วนตัว แต่เมื่อได้ดูโดยลืมเหตุผลที่ว่านั้นไปก็กลายเป็นว่าไปอยู่ไหนมาเพิ่งได้ดู ซึ่งซีรีส์แนวการแพทย์คือทางที่มักจะถูกมองผ่าน เพราะไม่ค่อยอยากเห็นภาพการผ่าตัดหรือการรักษาโรคที่น่าหดหู่ ยิ่งช่วงที่ผู้เขียนกำลังป่วยด้วยแล้วยิ่งไม่อยากเข้าไปกันใหญ่เลยกลายเป็นว่าซีรีส์การแพทย์นั้นเว้นได้ก็ละไว้ก่อนแล้วค่อยมาดูทีหลัง เช่นเดียวกับซีรีส์เรื่องนี้ที่มีเสียงชื่นชมปากต่อปากว่าดีและผู้เขียนก็ตั้งไว้ใน My List ได้เป็นปีแล้วแต่ไม่ยอมเปิดดูสักทีเพราะเหตุผลข้างต้น
ทว่า เมื่อต้องมารับรู้ว่าเรื่องที่ดองไว้กำลังจะมีซีซันสอง ซึ่งก็คือมันต้องมีดีพอที่จะทำให้สตูดิโอสานต่อมาได้จึงตัดสินใจดูจนได้เพื่อพิสูจน์ว่า การที่ต้องมีซีซันสองเป็นเพราะสาเหตุไหน และระหว่างทางที่ผ่านสิ่งที่ได้คืออารมณ์ที่หลากหลาย สัมผัสถึงมิตรภาพที่ละมุนละไมผ่านการเล่าเรื่องที่มอบหมอที่เป็นหมอจริงๆที่เป็นมนุษย์ เพราะแม้จะเป็นหมออย่างน้อยพวกเขาก็ยังต้องมีชีวิตในฐานะมนุษย์ ซึ่งมันลงตัวในทุกมิติถ้าไม่นับตอนจบของซีซันนี้ที่ปล่อยปลายให้ไปต่อ จนกระทั่งถ้าไม่ได้ข่าวว่ามีการสร้างซีซันสองอาจมีอาการหงุดหงิดหลังดูจบ และในที่สุดก็ต้องมานั่งรำพึงกับตัวเองว่า “ทำไม่พึ่งมาดูเอาตอนนี้”Hospital Playlist
เรื่องย่อ
ที่โรงพยาบาลยุลเจกำลังจะมีการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ เมื่อประธานของโรงพยาบาลลาโลกไปการหาทายาทผู้จะมาบริหารโรงพยาบาลในภาพรวมก็เริ่มขึ้น ทว่าตัวประธานเองที่มีลูกหญิงชายห้าคนที่ถูกเลี้ยงมาอย่างดี และคาดว่าคงเลี้ยงตามหลักศาสนาที่ครอบครัวท่านนับถือพระเจ้าเลยมองเห็นความดีงามนั้น จึงรับบุตรธิดาของประธานไปเป็นบุตรบุญธรรมของพระเจ้าเมื่อบุตรสองคนเดินเข้าสู่การเป็นบาทหลวง และธิดาสองนางเดินเข้าสู่การเป็นแม่ชีในคริสต์ศาสนาภาระทั้งหมดจึงตกอยู่ที่บุตรคนเล็กที่เป็นกุมารศัลยแพทย์ในโรงพยาบาลอื่นคือคุณหมออันจองวอน (ยูยอนซอก) ที่รู้ตัวเองว่าไม่มีความสามารถในการบริหารแต่มีความสามารถในการช่วยชีวิตเด็กๆในฐานะหมอมากกว่า
เขาจึงยกหน้าที่บริหารให้กับผู้จัดการโรงพยาบาลที่เป็นเพื่อนตั้งแต่เยาว์วัยของแม่แต่มีข้อแม้ว่า เขาจะรวมทีมแพทย์เฉพาะทางมาอีกนอกจากเขาคือหนึ่งหมอแชซงฮวา (จอนมีโด) ศัลยแพทย์ประสาท สองคือหมออีอิกจุน (โจจองซอก) แพทย์ผู้เชี่ยวชาญการปลูกถ่ายอวัยวะ สามคือคุณหมอคิมจุนวาน (จองคยองโฮ) ศัลยแพทย์ทรวงอก และสุดท้าย หมอยางซอกฮยอง (คิมแดมยอง) สูตินรีแพทย์ รวมทีม Avengers เพื่อดูแลคนไข้รวมถึงวอร์ด VIP ที่มีวัตถุประสงค์บางอย่างของหมออันจองวอนและทั้งห้าคนก็คือเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยแพทย์
การรวมตัวกันในโรงพยาบาลเดียวกันจึงเหมือนการคืนสู่เหย้าที่อาจเป็นไปได้ยาก แต่เมื่อได้มารวมกันแล้วสิ่งที่ตามมาคือมองเห็นมิตรภาพที่งดงามของเพื่อนสนิทอยู่เบื้องหลังการทำหน้าที่แพทย์ผู้มีจรรยาบรรณ และความงดงามของอาชีพทางการแพทย์ผ่านการช่วยชีวิตผู้ป่วย และการรักษาผู้ป่วยด้วยความใส่ใจตามบุคลิกของคุณหมอแต่ละคนที่แตกต่าง และทำให้ภาพของแพทย์และพยาบาลออกมาในมุมของการเชิดชูกลายๆ แต่…ทุกเรื่องรายทางแม้จะมีบ้างที่ต้องสูญเสียไม่ใช่จะจบลงสวยงามทุกเรื่อง แต่นั่นก็คือความจริงของชีวิตที่ทำให้งานที่ไม่มีพระเอกไม่ตัวตัวร้ายไม่มีดราม่าเป็นนิยาย กลายเป็นความธรรมดาสามัญที่คนดูสัมผัสได้ด้วยใจตลอดทาง
ความหลากหลายของมิติทางอารมณ์มาพร้อมความเป็นมนุษย์ของเหล่าคุณหมอ
การร่วมมือกันอีกครั้งของผู้เขียนบทอีอูจองและผู้กำกับชินวอนโฮจากซีรีส์ตระกูล Reply จึงสัมผัสได้ถึงลายเซ็นที่เข้มจนเป็นตัวหนา การเล่าเรื่องของมิตรภาพระหว่างเพื่อนโดยมีเพื่อนสาวเป็นจุดศูนย์กลาง เล่าผ่านเหตุการณ์รายทางที่เยอะแต่ทุกเรื่องก็เป็นเรื่องที่เป็นปัจเจกสามัญที่อาจเกิดขึ้นกับใครก็ได้ คือเรื่องที่เป็นความจริงในโลกทำให้เรื่องไม่ออกไปโทนนิยาย หรืออาจรวมงานอย่าง Prison Playbook ไปด้วยก็ย่อมได้ เมื่อลายเซ็นผู้กำกับชัดจนมองเห็นการเล่าเรื่องย่อยให้สัมพันธ์กันในภาพใหญ่ แล้วไม่ว่าจะดึงอารมณ์ความสงสัยในใจผู้ชมไปในทางไหนบทสรุปก็จะออกมามีความเป็นมนุษย์เสมอ
และสิ่งเหล่านั้นเองได้สร้างซีรีส์ทางการแพทย์ที่ดูสมจริง ได้มอบหมอที่เป็นมนุษย์หาใช่หมออัจฉริยะหรือซูเปอร์ด็อกเตอร์แต่เป็นมนุษย์ธรรมดาที่เจ็บได้ร้องให้เป็น มีหัวใจ มีความรัก มีเส้นแบ่งระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว มีเหน็ดเหนื่อย มีกินข้าวกินเหล้าเมาแล้วเรื้อน มีชีวิตส่วนตัวที่ต้องแลก และสิ่งที่คุมให้บทไม่ล้นไปจนเกินจริงก็คือความเป็นมนุษย์เหล่านี้ เมื่อทุกการรักษาทุกอาการป่วยล้วนเป็นอาการป่วยทั่วไปไม่มีโรคพิสดาร และเมื่อเป็นเรื่องของการรักษาผู้ป่วยที่หลากหลายทุกเพศทุกวัย อารมณ์จึงออกมาหลากหลายตามนั้นเพราะเห็นชัดเจนในเบื้องหลังของการป่วยที่กระทบจิตใจผู้ป่วยเองและญาติ ส่วนการรักษาจะออกมายังไงนั้นล้วนแต่สะเทือนหัวใจของคนดูในทุกเรื่อง
และเช่นเดิมที่คนดูจะสัมผัสมิติไหนได้มากกว่ากันก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ชีวิตแต่อย่างน้อยต้องมีสักเรื่องที่โดนใจ เพราะเรื่องเล่าครบทุกมุมและทุกมุมล้วนมีพื้นฐานจากความรักและความเสียสละ ทั้งในมุมของสามีภรรยา คู่รักคู่ชีวิต มุมของพ่อแม่ที่มีต่อลูก หรือกระทั่งมุมของลูกที่มีต่อพ่อแม่ และแน่นอนมุมของมิตรภาพความเป็นเพื่อนที่ยั่งยืน ซึ่งหลายครั้งอาจมองดูว่าเป็นการเชิดชูความงดงามของอาชีพแพทย์ที่ต้องมีทั้งหัวใจและจรรยาบรรณ หรือบางทีบทสรุปในเรื่องย่อยส่วนใหญ่ออกมาในมุมที่โลกสวยแต่บทยังดีพอที่จะคุมไว้ได้ไม่ให้ดูจงใจ เพราะยังมีภาพบางอย่างฉายให้เห็นว่าในดีมีแย่เมื่อมีหมอดีก็มีหมอที่แย่เช่นกัน
และสัจธรรมคือแม้หมอจะเก่งปานใดก็ใช่ว่าจะช่วยชีวิตผู้ป่วยได้ทุกคน และคนที่ต้องก้าวข้ามให้ได้นอกจากญาติผู้ป่วยก็คือตัวหมอเอง จึงมอบหมอที่ดูเป็นมนุษย์ธรรมดาที่สุดเรื่องหนึ่งเท่าที่ดูมา ซึ่งรายละเอียดปลีกย่อยที่มีความหมายเหล่านี้เป็นลายเซ็นที่สัมผัสได้กับการมอบความอบอุ่นหัวใจให้คนดูของผู้กำกับ ด้วยรายละเอียดที่เก็บได้หมดทุกประเด็นและมีตอนจบที่ทรงคุณค่าแม้จะเปิดปลายให้ได้คิดต่อ แต่เมื่อมีการมาของซีซันต่อไปก็หมายถึงว่าที่ต้องคิดต่อก็ได้มาบอกเล่าอีกครั้ง และกลายเป็นการมอบคุณค่าของชีวิต ความงดงามของการมอบชีวิตใหม่ให้ทั้งผู้ป่วยและคนดูที่สัมผัสได้ในทุกเรื่องราว
มิติความสัมพันธ์ที่หลากหลายและมีพัฒนาการ
เมื่อเลือกจะเล่าความเป็นมนุษย์ปุถุชนที่สวมชุดกาวน์แล้วพฤติกรรมทั้งภายนอกและภายในจึงต้องเห็นความเป็นมนุษย์ เมื่อความสัมพันธ์ของแต่ละคนที่มีบุคลิกที่แตกต่างล้วนถูกเล่าอย่างมีพัฒนาการ ทั้งตัวแชซงฮวาที่เป็นอาจารย์ใจดีต่อแพทย์ประจำบ้านและแพทย์ฝึกหัด ความน่ารักสดใสและไลฟ์สไตล์ต้องใจลูกน้องแต่บทก็ฉลาดเลือกจะไม่เล่าให้ไปทางโรแมนติกเมื่อหัวใจบอกว่าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่และก็ไม่ต้องไปเหนือจริงขนาดมารักกันตอนปลาย เช่นเดียวกับเรื่องของยางซอกฮยอนสูตินรีแพทย์ที่เหมือนเป็นคนหนีสังคมไร้หัวใจแต่เขามีปมเรื่องครอบครัวทำให้หัวใจไม่ยอมรับบางเรื่อง ทั้งที่รู้ว่าหมอรุ่นน้องมีใจให้และตัวเองก็อาจมีใจแค่ยังไม่กล้าพอที่จะเริ่มความสัมพันธ์
คิมจุนวานหมอที่ดูตรงไปตรงมาและเหมือนไม่แคร์ใครแต่ข้างในนั้นกลับอ่อนไหวอ่อนโยนที่มีความรักกับน้องสาวเพื่อนแต่ต้องปกปิด และกำแพงบางอย่างก็ไม่สามารถทำอะไรให้เต็มที่ หรือชีวิตแต่งงานที่ล้มเหลวของอีอิกจุนที่ทำให้เขาต้องเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวเต็มเวลา และเห็นสายตาที่มีอะไรบางอย่างกับแชซงฮวาอยู่เสมอแต่ก็ต้องเก็บมันไว้ในใจ อันจองวอนผู้จิตใจดีและมอบหัวใจให้การรักษาคนไข้และพระเจ้า แต่ความรักที่บริสุทธิ์ที่ได้รับจากหมอรุ่นน้องก็สั่นหัวใจจนถึงที่สุดก็เลือกจะทำตามความรู้สึกตนเอง และด้วยความที่มากตัวละครมากมิติ แต่ความสัมพันธ์เหล่านี้ได้ถูกบอกเล่าอย่างละเมียด มีพัฒนาการที่มองเห็นการก่อตัวของความสัมพันธ์และความรู้สึกนั้นๆของแต่ละคนได้อย่างเป็นรูปธรรม
ความฉลาดคือการเลือกไม่โรแมนติกจนดูล้น เพราะการเสนอความเป็นปุถุชนที่ทุกคนต้องมีความคิด มีการตัดสินใจ มีปมอะไรบางอย่างในใจต่างกัน ซึ่งเรื่องเหล่านี้ได้ถูกเล่าผ่านตัวละครรายทางได้อย่างลงตัว เมื่อทุกตัวละครสมทบทั้งเล็กน้อยหรือรับเชิญที่มาสัมผัสกับตัวละครหลักทั้งห้าต้องมีส่วนร่วมกับความคิดและความในใจของทุกคน ทั้งนี้ยังเยี่ยมมากในการย้อนภาพไปเล่าถึงความสัมพันธ์ตั้งแต่เริ่มต้นของหมอทั้งห้าที่มองเห็นได้ชัดว่าทำไมถึงสนิทกันปานนี้ และการสื่อความชิดเชื้อกันเชิงสัญลักษณ์ก็ต้องมีคือการเล่นดนตรีที่เข้าขาเพราะการจะเป็นวงดนตรีที่เข้ากันได้ขนาดนี้ต้องเล่นร่วมกันและผ่านอะไรร่วมกันมามากขนาดไหน แม้ว่าเสียงร้องของใครบางคนอาจเป็นฝันร้ายทั้งที่กินไข่สดเข้าไปก็ตาม
โลกนี้จะมีคนอยู่สามประเภท
หนึ่งคือคนที่มีความสุขที่สุดเวลาได้กินของอร่อย กับอีกหนึ่งคือคนที่อาหารอร่อยที่สุดเวลากินคนเดียว และสุดท้ายคนที่เห็นคนอื่นกินอย่างมีความสุขแล้วตัวเองยิ่งมีความสุข ซึ่งเมื่อมองเข้าไปในความเป็นมนุษย์บนโลกคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเช่นนี้ และคนทั้งสามประเภทนี้ก็คือความต่างที่จะกำหนดความเป็นตัวตนของแต่ละคน ซึ่งไม่ว่าเรื่องไหนก็ล้วนแต่มีด้านที่ต่างกันของเหรียญ แต่เมื่อเลือกที่จะเล่าในมุมที่งดงามและเชิดชูแล้วก็เล่าออกมาในมุมที่สวยงามดีกว่า และมันก็เป็นไปตามนั้นเมื่อคนที่มีความสุขเมื่อเห็นคนอื่นมีความสุขคือคนที่รวบรวมทีมหมอที่ทั้งเก่งและมีความงดงามข้างในทั้งหมดมารวมกัน เพราะเขารู้อยู่แก่ใจว่าเพื่อนๆของเขาเป็นเช่นไร
แต่การจะหลอมรวมความต่างของแต่ละคนนั้นอาจเป็นเรื่องยาก จึงต้องมีคนที่เป็นจุดเชื่อมและเป็นตัวประสานนั่นก็คือเพื่อนหญิงเพียงหนึ่งเดียวที่มองเห็นความงดงามของชีวิตในทุกมิติ ไม่เคยมีครั้งใดเลยที่ผู้ชมจะมองเห็นความหม่นในตัวของแชซงฮวา ทั้งที่ความจริงเธอก็ได้ผ่านประสบการณ์ที่แย่ๆมาในการเริ่มความเป็นหมอ แต่เธอก้าวข้ามมาได้คนดูจึงไม่ได้เห็นความเจ็บปวดเมื่อสูญเสีย หรือความลิงโลดเมื่อการรักษาประสบผลจากแชซงฮวา ซึ่งหมายความว่าแชซงฮวาคือคนที่มองโลกในภาพความจริงที่สวยงามที่สุดในหมู่เพื่อน เมื่อในวันหยุดเธอเลือกที่จะอยู่กับธรรมชาติ และเธอคือคนที่มองเห็นบุคลิกของมนุษย์สามอย่างในตัวเพื่อนๆ
แชซงฮวาจึงคล้ายเป็นจุดร่วมของความต่างเป็นเสาหลักของความสัมพันธ์ที่แนบแน่นของคนทั้งห้า และทุกความสัมพันธ์ที่แนบแน่นย่อมต้องมีคนประมาณนี้ คนที่เข้าใจในความต่างเข้าใจบุคลิกของเพื่อนแต่ละคนและเป็นศูนย์รวมจิตใจ รองลงมาคือคนที่เห็นความสุขของคนอื่นคือความสุขที่ยิ่งใหญ่ของตนเอง คนประเภทนี้จะเป็นที่รักของเพื่อนๆที่ไม่ว่าจะมองย้อนกลับไปยังอดีตที่ผ่านมาไม่ว่านานหรือไม่แค่ไหน ในกลุ่มเพื่อนสนิทในชีวิตมักจะมีคนสามประเภทนี้อยู่และจะมีคนสองคนอย่างแชซงฮวาและอันจองวอนอยู่เสมอ คนที่ไม่เคยโกรธ ไม่เคยล่วงเกินเพื่อนไม่ว่าเรื่องเล็กหรือใหญ่ คนที่ให้เกียรติเพื่อนเสมอมา คนที่นอกจากจะเป็นที่รักของเพื่อนและคนรอบข้างแล้วยังเป็นที่รักของคนดูทั้งใจ
ตัวละครที่ผู้ชมต้องรักและการแสดงที่เปี่ยมเสน่ห์ทุกคน
เรื่องนี้ต้องยอมรับว่าบทแชซองฮวาของจอนมีโดเป็นแกนกลาง และถูกขับเคลื่อนโดยบทอันจองวอนของยูยอนซอก แต่คือแม้จะเป็นเช่นนั้นบทก็บริหารจัดการตัวละครทุกคนได้อย่างลงตัวเท่าเทียมตามบทบาท ทำให้ตัวละครทุกคนในเรื่องเป็นที่รักของคนดูด้วยบทและธงของเรื่องที่จะเสนอความเป็นมนุษย์ในอาชีพแพทย์ การแสดงจึงต้องไม่หลุดไปจากความเป็นมนุษย์ ซึ่งทุกคนให้การแสดงที่ต้องจดจำและเปี่ยมเสน่ห์ เพราะทุกคนล้วนมีคาแร็คเตอร์และหน้าที่รับผิดชอบต่อเรื่องต่างกัน และเสน่ห์ที่มอบให้คนดูก็ทำให้ฉากแดนซ์กระจายในโบสถ์กลายเป็นฉากที่ต้องติดอยู่ในความทรงจำ หรือฉากนั่งกินข้าวคุยกันธรรมดาที่ไม่รู้สึกเหมือนว่านี่คือการแสดง
ถึงขนาดต้องสารภาพว่าผู้เขียนไม่เคยรู้สึกถูกชะตากับโจจองซอกขนาดนี้มาก่อนจากการดูเขาแสดงเรื่องก่อนหน้า แม้กระทั่งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะหรืออารมณ์หม่นหมองเจ็บปวดที่มองเห็นเลยว่ามาจากข้างใน มาจากความรู้สึกข้างในจริงๆไม่มีเห็นแววของการเสแสร้งหรือจงใจ จึงเป็นเสน่ห์ที่น่าทึ่งที่นักแสดงหลักตั้งห้าคนทำให้ผู้ชมเชื่อหมดทั้งใจ ด้วยการแสดงรับส่งกันได้อย่างไหลลื่นและเป็นธรรมชาติทำให้มนุษย์ที่ต้องพบหมอบ่อยๆอย่างผู้เขียนรู้สึกว่า หากมีหมอแบบนี้ทุกคนการไปโรงพยาบาลอาจไม่ใช่เรื่องที่ต้องทำใจล่วงหน้า ส่วนความเห็นส่วนตัวนั้นยอมรับว่าทั้งห้าคนมอบการแสดงในระดับท็อป
ซึ่งความจริงก็อาจเป็นมาตรฐานของเกาหลีอยู่แล้ว แต่การจะเข้าไปนั่งใจใจคนดูเต็มที่นั้นไม่ใช่ว่าใครก็ทำได้ และมันจะยิ่งยากถ้าจะเข้าไปนั่งในใจคนดูได้ทั้งห้าคน ด้วยงานด้านภาพที่พยายามเลี่ยงภาพการผ่าตัดที่อาจไม่โสภานัก ภาพที่ออกมาสวยสื่อถึงความงดงามของจิตใจ งานเพลงประกอบที่เพราะทุกเพลงโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเพลงนั้นๆมอบอารมณ์คิดถึงเพื่อนๆเมื่อมีการซ้อมวงกัน ที่จะทำให้หัวใจคนดูได้คิดถึงอะไรต่อมิอะไรที่เคยทำกับเพื่อนๆ วีรกรรมวีรเวรที่มีประสบการณ์ร่วมกัน ด้วยบทเรียนชีวิตที่สัมผัสใจในทุกเรื่องราว และทางออกของทุกเรื่องราวนั้นเป็นทางสว่างไม่ต่างจากแสงแดดอ่อนในตอนเช้าแห่งฤดูหนาวที่ “อบอุ่นหัวใจเหลือเกิน”
เรื่องนี้ได้จัดการหัวใจคนดูไว้อย่างอยู่หมัด ทั้งปลาบปลื้มยินดีเมื่อผู้ป่วยได้รับการรักษา น้ำตาเอ่อด้วยความตื้นตัน สะท้านใจกับความสูญเสียที่ไม่มีปาฏิหาริย์ หรือมิติด้านความรัก มิตรภาพ เรื่องหัวใจที่ยังคงมีแม้จะไร้เวลาส่วนตัว ประเด็นทางครอบครัวที่มีผลต่อจิตใจ สิ่งเหล่านี้คือเครื่องปรุงรสล้ำที่ช่วยให้อาหารจานธรรมดานี้ออกมาละมุนลิ้น อาจไม่จัดจ้านเพราะไม่มีตัวร้ายตัวโกงแต่ชดเชยด้วยความจริงแท้ที่ทุกคนสัมผัสได้ อารมณ์ประมาณนี้อาจมีบ้างที่ดูไปก็คิดไปถึงงานซีรีส์ตระกูล Reply ที่มีกลิ่นและอารมณ์ที่ใกล้เคียง แถมยังมีนักแสดงรับเชิญที่มีสีสันโดยเฉพาะโกอาราที่มารับเชิญแต่เคมีลงตัวกับโจจองซอกอย่างเนียนๆ
แม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นซีรีส์ที่เล่าเรื่องของอาการเจ็บป่วยที่อาจไม่น่าจะเริงใจ แต่เมื่อได้ดูแล้วได้เห็นและได้สัมผัสผู้ป่วยมากหน้าหลากหลายอาการ แต่ทุกครั้งทางออกก็จะเป็นการเยียวยาหัวใจให้กับผู้ชมทุกทาง จึงทำให้เรื่องนี้เป็นงานดีที่ดูด้วยรอยยิ้มปนเสียงหัวเราะที่อาจมีเคล้าคราบน้ำตาบ้างบางครั้งแต่ไม่มีความหม่นในใจ มีตัวละครที่เป็นที่รัก จึงเป็นงานที่คู่ควรกับการยกไว้บนหิ้งของความทรงจำอีกเรื่องหนึ่ง และนี่คือสิบสองตอนที่เป็นคุณค่าที่คู่ควรอย่างไม่ต้องสงสัย